อาหารทำเอง, อาหารง่ายๆ, สูตรข้าวแกง, สูตรอาหาร อร่อยๆ, อาหารไทย, วิธีทำอาหาร อาหารไทยง่ายๆ





วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

อยากเปิดร้านข้าวแกง อ่านดูซักนิดแล้วค่อยตัดสินใจ

อยากเปิดร้านข้าวแกง อ่านดูซักนิดแล้วค่อยตัดสินใจ

ข้าวแกง อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน แกงทุกอย่างเกิดจากการหุงกินกับข้าว ตักเป็นถ้วย บางครั้งก็ทำแกง 2 อย่างแล้วมานั่งล้อมวงกินข้าว จากสังคมปัจจุบันมีความเร่งรีบไปทำงาน ทำมาหากิน ก็ไม่มีเวลาที่จำทำข้าวแกงทุกวัน ก็เลยมีอาชีพขายข้าวแกง และก็มีมานานคู่กับคนไทย ขายข้าวแกงให้กับผู้คน คนที่ประกอบอาชีพนี้ รวยก็มี ขายแบบพออยู่ก็มี ขายแบบเจ๊งแล้วก็มี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

ปัจจัยแรก ดูสถานที่ ดังคำที่พูดว่า ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ถึงจะอร่อยน้อย แต่ถ้ามีคนเยอะ คนพลุกพล่าน ก็ขายได้ ขายข้าวแกง ไม่จำเป็นต้องนั่งกินที่ร้าน อาจจะซื้อไปกินที่บ้าน ที่ทำงาน

เป้าหมายลูกค้า ลูกค้ามีกำลังซื้อมากแค่ใหน ขายจานละ 50 อย่างคนหาเช้ากินค่ำก็ไม่มีกำลังจะซื้อ ถ้าขายอีกระดับ ขายในห้างก็พอได้ แต่อย่าลืมว่า ถ้าขายไม่หมดในวันเดียว ข้าวแกงก็ไม่น่ากินแล้ว คนกินข้าวแกงเขาจะรู้ว่า เป็นของใหม่ ของเก่า สด หรือไม่สด

รสชาดอาหาร ข้าวแกง ส่วนมากจะเป็นของอาหารภาคกลาง รสชาดจะไม่เผ็ดมาก จะขายให้คนภาคใหนต้องดูด้วย ถ้าให้คนใต้ รสชาดก็ควรจะจัด เผ็ด ถ้ามีน้ำพริก ผักข้างเคียง บริการด้วยก็จะฟรี แต่ก็เพิ่มต้นทุน

ขายแบบเน้นปริมาณ ราคาถูก ก็เป็นอีกทางเลือก แบบนี้ก็ต้องแลกกับวัตถุดิบที่นำมาประกอบอาหาร เช่น ผักก็ต้องแบบที่ราคาถูก อาจจะเป็นผักที่คัดออก หรือใกล้จะเสีย ผักช้ำแต้ก็พอจะนำมาขายได้ ซึ่งมีให้เห็นข้าวแกงต้นทุนต่ำ 10 บาท 20 บาท อย่าลืมว่า คนไทยชอบของถูกและดี ดีในที่นี้ คือ พอประมาณ สามารถนำมาปรุงอาหารได้

แหล่งซื้อวัตถุดิบ ต้องอยู่ไม่ไกลมากนัก เป็นปัญหามาสำหรับร้านข้าวแกง ถ้ามีวตถุดิบอยู่ใกล้ ก็ไม่ต้องตุนของ เราสามารถซื้อของสด ใหม่ได้ตลอด ถ้าอยู่ไกล กต้องซื้อตุนไว้ การเก็บของ ผักสด เนื้อ ก็จะมีปัญหา

ก็ได้ทราบว่า การจะเปิดข้าวแกงได้ ก็มีอุปสรรค์มากมาย แต่ละร้านก็ต้องผ่านดังที่กล่าวมา เวลาเป็นเครื่องพิสูจณ์ว่าจะอยู่ หรือ ไป ถ้ายึดเป็นอาชีพสำรอง ก็พอได้ คือค่อยทำ ค่อยหาทำเลแต่ถ้าอาชีพหลักต้องคิดนานหน่อย

พูดจากประสบการณ์ตรง ตอนนี้ผู้เขียนไม่ได้ขายแล้วข้าวแกง หันมาขายอาหารตามสั่งแทน มีเวลาจะมาบรรยายให้ฟัง



Advertisment


 http://thaifoodrecipesmake.blogspot.com/
Share:

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เปลี่ยนริมฝีปากเข้ม ดำ ให้เป็นสีชมพูภายใน 10 นาที

เปลี่ยนริมฝีปากเข้ม ดำ ให้เป็นสีชมพูภายใน 10 นาที

ริมฝีปาก
(Source:http://www.myhealthylifeadvice.com/)

ริมฝีปากสวยสีชมพู ใครก็ชอบ ริมฝีปากเข้ม ดำ คล้ำ ใครๆ ก็ไม่ชอบและมีหลายวิธีที่ทำให้ผิว กลายเป็นสีดำ เช่น แสงแดด กาแฟ คนสูบบุหรี่ หรือ แม้กระทั่ง เครื่องสำอาง หรือ ลิฟท์ ทาปาก ที่มีคุณภาพต่ำ ก็ทำให้ริมฝีปากเข้ม ดำได้ เหมือนกัน

บอกลาริมฝีปากเข้ม ดำ คล้ำ ด้วยขั้นตอนง่ายๆ ที่ไม่ยุ่งยาก ด้วยวิธีธรรมชาติ ดังนี้

วิธีการเปลี่ยน ริมฝีปากเข้ม ไปเป็นชมพู

นำน้ำมะนาว 1 ถ้วยตวง จากนั้น ใช้น้ำตาลทรายโรยในน้ำมะนาว และ อย่าให้น้ำตาลละลายในน้ำมะนาวในทันที ให้รีบใช้มือหยิบขึ้นมาขัดที่ริมฝีปากทันที เป็นเวลา 10 นาที ทุกวัน

ให้ทำวิธีนี้ก่อนนอนทุกครั้ง 

ให้ทำซ้ำ เป็นเวลา 5 - 6 วัน คุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงบนริมฝีปาก จาก เข้า ดำ กลายไปเป็น สีชมพู สวย ใส เหมือนเด็กแรกเกิด



Advertisment


บทความจาก http://www.myhealthylifeadvice.com/
เรียบเรียง http://thaifoodrecipesmake.blogspot.com/
Share:

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เปลือกกล้วยมีประโยชน์ ถึง 6 อย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อน

เปลือกกล้วยมีประโยชน์ ถึง 6 อย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อน

พูดถึง กล้วย ใครๆก็รู้ว่าเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์มาก แต่จะมีใครซักกี่คนที่รู้ว่าเปลือกกล้วยมีประโยชน์ ไม่น้อยไปกว่าเนื้อ ที่น่าทึ่งมาก และสามารถนำมาใช้ได้จริง โดยที่เราไม่จำเป็นต้องหาซื้อยาราคาแพง เพียงใช้เปลือกกล้วยที่เหลือจากการกิน เราก็สามารถใช้แทนยาได้แล้ว ไม่มีอันตรายผลข้างเคียง เรามาดูว่า เปลือกกล้วยมีประโยชน์อะไรบ้าง โดยอ้างถึง http://www.myhealthylifeadvice.com/ ว่า เปลือกกล้วยมีประโยชน์ถึง 6 อย่าง แต่ละอย่างก็น่าจะอยู่ในความสนใจของคนรักสุขภาพ เช่น ผิวหน้า ลดน้ำหนัก เป็นต้น
เปลือกกล้วย
(http://www.myhealthylifeadvice.com/)

1. เปลือกกล้วย สามารถทำให้ฟันขาวได้

ใช้เปลือกกล้วยด้านในถูฟัน ทุกวัน เป็นเวลา 2 สัปดาห์ คุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

2. ช่วยกำจัดหูด

มันจะจริงป่าวน้า มันช่วยกำจัดหูด และมันยังป้องกันไม่ให้หูดเกิดขึ้นมาอีกด้วย
วิธีการใช้ คือ นำเปลือกด้านใน วางบนหูด และใช่ผ้าพันแผลรัดเอาไว้ จนตอนเช้าค่อยเอาออก และทำแบบนี้จนกว่าหูดจะหาย เออ ต้องลอง

3. ปราศจาก สิว และริ้วรอย

กล้วยมีประสิทธิภาพดีเยี่ยมในการดูแลผิวหน้า เหตุผล เพราะกล้วยมี Antioxidents และ Antiaging เป็นคุฯสมบัติเด่นฌฉพาะตัว
กล้วยช่วยความชุ่มชื้นและบำรุงผิวหน้า
วิธีใช้ นำเปลื้อกกล้วยด้านใน ถูบนใบหน้า เน้าบริเวณผิวที่มีสิว หรือ บริเวณที่มีริ้วรอย ทำวันละ 30 นาที ต้องลองจึงจะเห็นผล

4. ช่วยบรรเทา อาการโรคสเก็ดเงิน

เน้น แค่ช่วยบรรเทา  ใช่ว่าจะรักษาได้หมด แค่บรรเทาอาการสเก็ดเงินได้บ้าง

5. เปลือกกล้วย เปรียบเสมือน ยาบรรเทาความเจ็บปวด (ANALGETIC)

นำเปลือกกล้วยไปทาบริเวณที่มีอาการปวด มันสามารถบรรเทาความเจ็บปวดได้ดีทีเดียว ใครเจอยุงกัด ตามแขน ขา เท้า หรือ มดกัด ต้องลองนะ จริงป่าวนะ ต้องลอง อันนี้น่าสน

6. เปลือกกล้วย ลดน้ำหนัก

อ้าวใครต้องการลดน้ำหนักด้วยเปลือกกล้ว เชิญทางนี้ เป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่า กล้วยมีโปรแทสเซี่ยมสูง ที่ช่วยปรับสมดุลในร่างกายป้องกันภาวะกรดเกิน (hyperacidity) และยังช่วยควบคุมความดันโลหิตที่สูงและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย

เปลือกกล้วย มี โพแทสเซียมมากถึง 40% มันช่วยเพิ่มการเผาผลาญอาหาร ส่งผลให้เผาผลาญแคลอรี และกล้ามเนื้อแข็งแรง มีพลัง จึงทำให้คุณสามารถออกกำลังได้ต่อเนื่อง

รูรอย่างนี้แล้ว เปลือกกล้วย ที่เหลือ อย่าทิ้ง ลองนำมาใช้ เป็นทางเลือกที่น่าจับตา อย่างไรก็ตาม เปลือกกล้วย ก็ยังมีคุณสมบัติอื่นๆ อีกมาก เช่น มีสาร antioxidants, มี fiber  มี วิตามิน B, และ วิตามิน A


Advertisment


อ้างอิง: http://www.myhealthylifeadvice.com/
เรียบเรียง,แปล โดย http://thaifoodrecipesmake.blogspot.com/
Share:

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เมนูแกงส้มกุ้งถั่วพู สูตรและวิธีทำ ง่ายๆ หม้อเดียวผ่าน

แกงส้มกุ้งถั่วพู


แกงส้มกุ้งถั่วพู
แกงส้มกุ้งถั่วพู

Aerk Food เข้าครัว วันนี้ทำแกงส้ม อีก คือ แกงส้มกุ้งถั่วพู เป็นแกงส้มที่ทำไม่ยาก เตรียมเครื่องให้เสร็จ ตั้งแต่ไปซื้อถั่วพูมา 1 ถุงในราคา 20 บาท ได้มาเยอะมาก ทำได้หลายหม้อแกง จากนั้น ซื้อกุ้งสด 2 ขีด ส่วนเครื่องปรุงอื่นๆ ก็มีอยู่ในครัวอยู่แล้ว เช่น เครื่องแกงส้ม มะนาว น้ำตาลทราย น้ำปลา กะปิ ได้เวลาก็ลงมือทำ




แกงส้มกุ้งถั่วพู เพลงประกอบ อลังการมาก

เครื่องปรุงและวัตถุดิบ

เครื่องแกงส้ม     1/2    ขีด   วิธีทำเครื่องแกงส้ม Youtube 
กะปิ                    1/2    ช้อนแกง
น้ำตาล                2       ช้อนแกง
น้ำปลา                2       ช้อนชา
น้ำมะนาว            2       ลูก
ฝงปรุงรสดีไก่      1/2    ช้อนชา

เครื่องปรุง แกงส้มกุ้งถั่วพู
เครื่องปรุง แกงส้มกุ้งถั่วพู

วิธีทำ

หั่น ถั่วพู พอดีคำใส่ตะกร้า หั่นถั่วฝักยาวใส่ตะกร้า จากนั้นนำไปล้างน้ำในกะละมัง แล้วพักไว้ก่อน จากนั้นก็แกะกุ้งเอาเส้นดำออก ค่อยๆ ทำไป แล้วพักไว้ก่อน

จากนั้นเพื่อความรวดเร็ว ให้น้ำเครื่องปรุงต่างๆ ใส่ในถ้วยตวง หรือถ้วยน้ำพริก พร้อมที่จะทำแกงส้มกุ้งถั่วพู

ตั้งน้ำด้วยหม้อหู ใส่น้ำเปล่าครึ่งหม้อ ตามด้วยเครื่องแกงส้ม และกะปิ ทำการละลายเครื่องแกงกับกะปิให้เข้ากัน รอน้ำเดือด แล้วตามด้วยถั่วพู ต้มไปได้ซักพัก ก็ตามด้วยกุ้ง 

จากนั้นตามด้วยเครื่องปรุง น้ำตาล น้ำปลา ฝงปรุง และสุกท้าย น้ำมะนาว ชิมให้ได้รส ขาดรสใดก็เติมรสนั้น เสร็จพร้อมกินกับข้าวสวยร้อนๆ สูตร แกงส้มกุ้งถั่วพู นี้สำหรับกินมื้อเดียว


Advertisment


Share:

เคล็ดลับ วิธีเก็บของสด ถ้าไม่มีตู้เย็น เก็บได้นาน

วิธีเก็บของสด ถ้าไม่มีตู้เย็น เก็บได้นาน


วิธีเก็บของสด
วิธีเก็บของสด

ร้านอาหาร ร้านอาหารตามสั่ง เขามีวิธีเก็บของสด โดยที่ไม่ต้องใช้ตู้เย็น เช่น เก็บเนื้อ หมู ไก่ ผัก เห็ด และเป็นวิธีการเก็บที่ใช้ได้นาน อาหารที่ทำ ก็เหมือนกับของยังสดใหม่อยู่เสมอ วิธีการที่ร้านอาหารตามสั่งใช้กัน ก็ คือ เก็บของสดไว้ในลังน้ำแข็ง ไม่จำเป็นต้องโรยเกลือ ขอเพียงถังน้ำแข็งอยู่ในสภาพดี หรือถังใหม่ น้ำแข็งก็จะละลายช้า และเก็บความเย็นได้นาน แต่ยังไม่พอ ต้องมีวิธีการเก็บ

วัสดุที่ใช้


1. หาซื้อ ถังเก็บน้ำแข็ง ของใหม่ หรือมือสองสภาพดี
2. ซื้อของสดเท่าที่ขายได้ ภายใน 2 วัน
3. ถ้วย อลูมิเนียม ใส่ของสด
4. น้ำแข็งป่น ครึ่งถังของลังน้ำแข็ง

ขั้นตอนในการเก็บของสด ให้อยู่ได้นาน โดยไม่ต้องใช้ตู้เย็น


เตรียมล้างลังน้ำแข็งไว้ ตากแดดให้แห้ง เมื่อแห้งแล้ว ให้ใส่น้ำแข็งป่นลงไปครึ่งถัง แล้วเกลี่ยให้ราบเรียบ จากนั้น นำเนื้อ หมู กุ้ง ไก่ ผัก ที่เตรียมไว้แล้ว ใส่ในถ้วยอลูมิเนียม จากนั้นก็จัดวางลงบนน้ำแข็ง เท่านี้ก็เรียบร้อย วิธีการเก็บของสดวิธีนี้สามารถเก็บได้ 2 วัน ยังไม่เห็นภาพ มีภาพให้ดู



ของสด วางบนน้ำแข็ง
ของสด วางบนน้ำแข็ง

กุ้งสดแกะเปลือก
กุ้งสดแกะเปลือก

เนื้อ หมู
เนื้อ หมู

รูปล่าง เป็นอุปกรณ์สำคัญในการเก็บของสด เป็นลังน้ำแข็ง ที่สามารถเก็บของสดได้
วิธีเก็บของสด ถ้าไม่มีตู้เย็น เก็บได้นาน
วิธีเก็บของสด ถ้าไม่มีตู้เย็น เก็บได้นาน

วิธีเก็บของสด ถ้าไม่มีตู้เย็น วิธีนี้สามารถเก็บได้ 2 วัน ก็ซื้อของสดให้พอดีกับกับวันที่ขาย แล้วก็ไปซื้อของสดใหม่ 


Advertisment


Share:

วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ประโยชน์ของพุทรา กินดิบ หรือจิ้มพริกเกลือ ก็อร่อย

ประโยชน์ของพุทรา กินดิบ หรือจิ้มพริกเกลือ ก็อร่อย

พุทรา
ผล พุทรา

พุทรา ถือว่าเป็นผลไม้คนกินน้อย แต่มากประโยชน์ ถ้าเดินไปร้านผลไม้ก็จะไม่ค่อยวางขายเท่าไร จะมีวางก็แซมๆ กับผลไม้อื่น แต่ถ้าพูดถึงประโยชน์แล้ว พุทรา มาเต็ม ไม่ว่าจะเป็นพุทราพันธุ์ใหนก็เหมือนกัน มีประโยชน์เหมือนกัน

ได้ค้นหาข้อมูลจาก https://en.wikipedia.org/ พบว่า ในผลพุทรา 100 g มีสารอาหารหลายอย่างที่จำเป็นต่อร่างกาย มีอะไรบ้างมาดูกัน

Nutritional value per 100 g (3.5 oz)
ให้พลังงาน (Energy)  = 331 kJ (79 kcal)
คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrates) = 20.23 g
ไขมัน (Fat) = 0.2 g
โปรตีน (Protein) = 1.2 g

วิตามิน (Vitamins) 

วิตามิน A (Vitamin A equiv.) (5%) 40 μg ---> บำรุงสายตา บำรุงกระดูก บำรุงผิวพรรณ

Thiamine (B1) (2%) = 0.02 mg  ---> ช่วยย่อยแป้ง ช่วยรักษาโรคเหน็บชา ช่วยบำรุงหัวใจ ระบบประสาท และบำรุงกล้ามเนื้อ

Riboflavin (B2) (3%) = 0.04 mg ---> ช่วยการมองเห็น ช่วยป้องกันโลหิตจาง ช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรน ช่วยรักษาโรคปากนกกระจอง
Vitamin B3 (Niacin) (6%) = 0.9 mg  ---> ช่วยบำรุงผิวได้ถึงผิวชั้นใน ช่วยเพิ่มอัตราการผลัดตัวของเซลล์ผิวเก่า ช่วยลดจุดด่างดำ ใบหน้า ลดการอักเสบของผิวหนัง และลดปัญหาการเกิดสิว

Vitamin B6 (6%) = 0.081 mg --> ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน, ช่วยบรรเทาอาการปากแห้งและคอแห้ง, ช่วยเปลี่ยนกรดอะมิโนให้เป็นวิตามินบี3 หรือไนอะซิน, ช่วยร่างกายสร้ายน้ำย่อยในกระเพาะอาหารและแร่ธาตุแมกนีเซียม, ช่วยแก้การเป็นตะคริว, แขนขาชาพร้อมกับขับปัสสาวะ, ช่วยร่างกายสร้างภูมิต้านทานแอนติบอดี้และช่วยสร้างเซลล์โลหิตให้ดีขึ้น, ช่วยบรรเทาโรคที่เกิดจากระบบประสาทและผิวหนัง, ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่เมื่อร่างกายขาดน้ำตาลวิตามิน B6 จะช่วยละลายน้ำตาลที่สะสมในตับและสารอาหารอื่นเปลี่ยนเป็นน้ำตาล

Vitamin C (83%) 69 mg      ----->ช่วยการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและต้านอนุมูลอิสระ

เกลือแร่ (Minerals)

แคลเซียม Calcium (2%) 21 mg
เหล็ก Iron (4%) 0.48 mg
แม็กนีเซียม Magnesium (3%) 10 mg
แมงกานีส Manganese (4%) 0.084 mg
Phosphorus (3%) 23 mg
โปรเทสเซียม Potassium (5%) 250 mg
เกลือ Sodium (0%) 3 mg
สังกะสี (Zinc) (1%) 0.05 mg

อื่นๆ (Other constituents)

น้ำ (Water) = 77.86 g

Advertisment



>
อ้างอิง
https://www.facebook.com/serumByAom/posts/417055091720589

เรียบเรียง http://thaifoodrecipesmake.blogspot.com/
Share:

วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

รีวิวถั่วเขียวต้มน้ำตาล 7-11 กินได้ทั้งเย็นและร้อน

รีวิวถั่วเขียวต้มน้ำตาล 7-11 กินได้ทั้งเย็นและร้อน

วันนี้จะมารีวิว ถั่วเขียวต้มน้ำตาล 7-11 วางอยู่ปนกับอาหารกล่อง ขนมหวานไทย น้ำสมุนไพร ซื้อมาจ่ายเงินเสร็จ กลับบ้าน จับขึ้นมาดูภายนอก ถั่วเขียวต้มน้ำตาลในถ้วย หรือประมาณถ้วยแก้วโยเกิรต์ ฝาปิดซีลอย่างดี มีบอกว่า ไม่ใส่ส่วนผสมของวัตถุกันเสีย สามารถกินได้ทั้ง ร้อนและเย็น โดยส่วนตัวชอบกินเย็น ถ้าได้น้ำแข็งป่นด้วยสุดยอด เหมือนกับกินหวานเย็นถั่วเขียว

ถั่วเขียว เป็นขนมหวานไทย สมัยเป็นเด็กใครเคยกินหวานเย็นถั่วเขียวบ้าง ก็ คือ ถั่วเขียวต้มน้ำตาล ใส่ถุงน้ำจิ้ม รัดปากถุงด้วยยางยึด แล้วก็นำไปแช่ช่องเย็นของตู้เย็น (สมัยก่อนไม่มีช่อง Freeze) แช่ไปประมาณ 12 ชั่วโมงจึงจะได้กิน แต่เดี๋ยวนี้หากินยากแล้ว ไม่มีใครทำ

ถั่วเขียวต้มน้ำตาล 7-11
ถั่วเขียวต้มน้ำตาล 7-11
 จับขึ้นมาดูฝากล่อง ถั่วเขียวต้มน้ำตาล ฝาปิดอย่างดี แน่นหนา ลองเปิด ง่ายไม่ยาก


ถั่วเขียวต้มน้ำตาล 7-11
ถั่วเขียวต้มน้ำตาล 7-11 ด้านข้างของแก้ว
ถั่วเขียวต้มน้ำตาล 7-11 ด้านข้างบอกวิธีทาน ใครทานร้อน ก็บอกพนักงาน 7 - 11 เข้าตู้ไมโครเวฟได้เลย ส่วนตัว admin ก็ชอบทานเย็นๆ ก็ไม่ได้เวฟ

ก่อนซื้อก็ดูวันที่หมดอายุ ข้าวถ้วยแก้วได้เลย

ถั่วเขียวต้มน้ำตาล 7-11
ถั่วเขียวต้มน้ำตาล 7-11 เมื่อเปิดฝา

วิธีทาน ถั่วเขียวต้มน้ำตาล ทานแบบเย็น

ถั่วเขียวต้มน้ำตาล 7-11 เมื่อเปิดฝามา ก็จะมีแต่น้ำเชื่อม น้ำตาลลอยอยู่ด้านบน ส่วนถั่วเขียวต้มก็จะอยู่ด้านล่าง ก็ให้ใช้ช้อนคนให้ถั่วเขียวที่จมอยู่ให้ลอยขึ้นมา แต่ถ้าไม่มีช้อนทาน ก็ให้เขย่าแก้วก่อนที่จะเปิดฝา จนแน่ใจว่าถั่วเขียวกับน้ำตาลเข้ากันดีแล้วจึงค่อยเปิดฝาแล้วยกแก้วดื่มได้เลย

รสชาติจากกินด้วยตัวเอง ไม่หวานมาก หวานพอดี เนื้อถั่วเขียว ก็ต้มนิ่ม ไม่แข็ง คือเคยกินถั่วเต้มที่ไม่นิ่ม กลิ่นเขียวจากเมล็ดยังอยู่ แต่ถั่วเขียวต้มน้ำตาลรายนี้ ถือว่า อร่อย

สรุปผลการชิม

ราคา:   ไปหาดู
ขนาด:   ก็พอได้รู้รสชาติ
ความอร่อย: ถือว่าใช้ได้


Advertisment


ภาพและรีวิว By http://thaifoodrecipesmake.blogspot.com/
Share:

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก

Recent Posts

Recent Posts Widget

ผู้สนับสนุน