อาหารทำเอง, อาหารง่ายๆ, สูตรข้าวแกง, สูตรอาหาร อร่อยๆ, อาหารไทย, วิธีทำอาหาร อาหารไทยง่ายๆ





วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2559

สูตรแกงไตปลากะทิ ไตปลาช่อน วิธีทำ

สูตรแกงไตปลากะทิ ไตปลาช่อน วิธีทำ


แกงไตปลากะทิ เป็นแกงที่รู้จักกัน วันนี้แกงโดยใช้ไตปลาช่อน ที่ซื้อจากงานเกษตรคลองหลวง และเครื่องแกงก็ซื้อจากที่เดียวกัน สูตรแกงไตปลา โดยใช้กะทิกล่อง ลักษณเหมือนกับหลน แต่ที่ปักใต้ก็ทำกินกันมานาน เราเพิ่มรสเข้าไปอีก เพื่อให้แกงใตปลามีเนื้อปลาบ้าง ก็ใส่ปลาทูทอดลงไปด้วย แกะกันเป็นชิ้นๆ เวลากินแกงไตปลาก็จะได้รสชาดของแกงกับเนื้อปลาทูได้เต็มที่

แกงไตปลา
แกงไตปลา

วัตถุดิบและเครื่องปรุง

- ไตปลาช่อน                    1              ขวด
- ปลาทูนึ่ง                         2               ตัว
- มะขามเปียก                    1              หยิบมือ
- กะทิกล่อง                        1             กล่อง ขนาดกลาง
- เครื่องแกงสำเร็จรูป         1              ช้อนโต๊ะ
- หอมแขก                         1               หัว
- ใบมะกรูด                         5              ใบ

วิธีทำ แกงไตปลา

- ทอดปลาทู แกะเนื้อปลาเอาก้างออก แล้วพักไว้ก่อน
- ต้มไตปลาช่อน แล้วพักไว้ก่อน
- กะทะตั้งไฟ ตามด้วย กะทิกล่อง ใส่ประมาณ 1/2 กล่อง รอกะทิเดือด
- ตามด้วย เครื่องแกง ทำการคั่วเครื่องแกงไตปลา กับกะทิให้เข้ากัน โดยใช้ตะหลิวคนให้ทั่ว ทั้งนี้เพื่อให้เครื่องแกงกับกะทิได้เป็นเนื้อเดียวกัน
- จากนั้นใส่น้ำไตปลา แล้วทำการคั่วให้เข้ากัน
- ตามด้วย เนื้อปลาทูลงไป คนเบาๆ ระวังอย่าให้เนื้อปลาทูเละ
- ตามด้วย เนื้อมะขามเปียก
- ตามด้วยกะทิที่เหลือใส่ลงไป จะทำให้สีของไตปลานวลขึ้น
- ซอยหอมแขกเป็นชิ้นใหญ่ แล้วใส่ลงในแกงไตปลา ใช้ช้อนคนให้เข้ากันกับแกง
- สุดท้ายตามด้วย ฉีกใบมะกรูด ใส่ลงในแกงไตปลา



Advertisment


ลองชิม ถ้าแกงไตปลากะทิ มีรสเค็ม ก็ให้เติมน้ำตาลลงไป เพื่อตัดเค็ม แกงไตปลาสูตรนี้สำหรับมื้อเดียว หรือ 2 มื้อ

สูตรโดย  Aerk Food& Travel
Share:

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

อยากเปิดร้านข้าวแกง อ่านดูซักนิดแล้วค่อยตัดสินใจ

อยากเปิดร้านข้าวแกง อ่านดูซักนิดแล้วค่อยตัดสินใจ

ข้าวแกง อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน แกงทุกอย่างเกิดจากการหุงกินกับข้าว ตักเป็นถ้วย บางครั้งก็ทำแกง 2 อย่างแล้วมานั่งล้อมวงกินข้าว จากสังคมปัจจุบันมีความเร่งรีบไปทำงาน ทำมาหากิน ก็ไม่มีเวลาที่จำทำข้าวแกงทุกวัน ก็เลยมีอาชีพขายข้าวแกง และก็มีมานานคู่กับคนไทย ขายข้าวแกงให้กับผู้คน คนที่ประกอบอาชีพนี้ รวยก็มี ขายแบบพออยู่ก็มี ขายแบบเจ๊งแล้วก็มี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

ปัจจัยแรก ดูสถานที่ ดังคำที่พูดว่า ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ถึงจะอร่อยน้อย แต่ถ้ามีคนเยอะ คนพลุกพล่าน ก็ขายได้ ขายข้าวแกง ไม่จำเป็นต้องนั่งกินที่ร้าน อาจจะซื้อไปกินที่บ้าน ที่ทำงาน

เป้าหมายลูกค้า ลูกค้ามีกำลังซื้อมากแค่ใหน ขายจานละ 50 อย่างคนหาเช้ากินค่ำก็ไม่มีกำลังจะซื้อ ถ้าขายอีกระดับ ขายในห้างก็พอได้ แต่อย่าลืมว่า ถ้าขายไม่หมดในวันเดียว ข้าวแกงก็ไม่น่ากินแล้ว คนกินข้าวแกงเขาจะรู้ว่า เป็นของใหม่ ของเก่า สด หรือไม่สด

รสชาดอาหาร ข้าวแกง ส่วนมากจะเป็นของอาหารภาคกลาง รสชาดจะไม่เผ็ดมาก จะขายให้คนภาคใหนต้องดูด้วย ถ้าให้คนใต้ รสชาดก็ควรจะจัด เผ็ด ถ้ามีน้ำพริก ผักข้างเคียง บริการด้วยก็จะฟรี แต่ก็เพิ่มต้นทุน

ขายแบบเน้นปริมาณ ราคาถูก ก็เป็นอีกทางเลือก แบบนี้ก็ต้องแลกกับวัตถุดิบที่นำมาประกอบอาหาร เช่น ผักก็ต้องแบบที่ราคาถูก อาจจะเป็นผักที่คัดออก หรือใกล้จะเสีย ผักช้ำแต้ก็พอจะนำมาขายได้ ซึ่งมีให้เห็นข้าวแกงต้นทุนต่ำ 10 บาท 20 บาท อย่าลืมว่า คนไทยชอบของถูกและดี ดีในที่นี้ คือ พอประมาณ สามารถนำมาปรุงอาหารได้

แหล่งซื้อวัตถุดิบ ต้องอยู่ไม่ไกลมากนัก เป็นปัญหามาสำหรับร้านข้าวแกง ถ้ามีวตถุดิบอยู่ใกล้ ก็ไม่ต้องตุนของ เราสามารถซื้อของสด ใหม่ได้ตลอด ถ้าอยู่ไกล กต้องซื้อตุนไว้ การเก็บของ ผักสด เนื้อ ก็จะมีปัญหา

ก็ได้ทราบว่า การจะเปิดข้าวแกงได้ ก็มีอุปสรรค์มากมาย แต่ละร้านก็ต้องผ่านดังที่กล่าวมา เวลาเป็นเครื่องพิสูจณ์ว่าจะอยู่ หรือ ไป ถ้ายึดเป็นอาชีพสำรอง ก็พอได้ คือค่อยทำ ค่อยหาทำเลแต่ถ้าอาชีพหลักต้องคิดนานหน่อย

พูดจากประสบการณ์ตรง ตอนนี้ผู้เขียนไม่ได้ขายแล้วข้าวแกง หันมาขายอาหารตามสั่งแทน มีเวลาจะมาบรรยายให้ฟัง



Advertisment


 http://thaifoodrecipesmake.blogspot.com/
Share:

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เปลี่ยนริมฝีปากเข้ม ดำ ให้เป็นสีชมพูภายใน 10 นาที

เปลี่ยนริมฝีปากเข้ม ดำ ให้เป็นสีชมพูภายใน 10 นาที

ริมฝีปาก
(Source:http://www.myhealthylifeadvice.com/)

ริมฝีปากสวยสีชมพู ใครก็ชอบ ริมฝีปากเข้ม ดำ คล้ำ ใครๆ ก็ไม่ชอบและมีหลายวิธีที่ทำให้ผิว กลายเป็นสีดำ เช่น แสงแดด กาแฟ คนสูบบุหรี่ หรือ แม้กระทั่ง เครื่องสำอาง หรือ ลิฟท์ ทาปาก ที่มีคุณภาพต่ำ ก็ทำให้ริมฝีปากเข้ม ดำได้ เหมือนกัน

บอกลาริมฝีปากเข้ม ดำ คล้ำ ด้วยขั้นตอนง่ายๆ ที่ไม่ยุ่งยาก ด้วยวิธีธรรมชาติ ดังนี้

วิธีการเปลี่ยน ริมฝีปากเข้ม ไปเป็นชมพู

นำน้ำมะนาว 1 ถ้วยตวง จากนั้น ใช้น้ำตาลทรายโรยในน้ำมะนาว และ อย่าให้น้ำตาลละลายในน้ำมะนาวในทันที ให้รีบใช้มือหยิบขึ้นมาขัดที่ริมฝีปากทันที เป็นเวลา 10 นาที ทุกวัน

ให้ทำวิธีนี้ก่อนนอนทุกครั้ง 

ให้ทำซ้ำ เป็นเวลา 5 - 6 วัน คุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงบนริมฝีปาก จาก เข้า ดำ กลายไปเป็น สีชมพู สวย ใส เหมือนเด็กแรกเกิด



Advertisment


บทความจาก http://www.myhealthylifeadvice.com/
เรียบเรียง http://thaifoodrecipesmake.blogspot.com/
Share:

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เปลือกกล้วยมีประโยชน์ ถึง 6 อย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อน

เปลือกกล้วยมีประโยชน์ ถึง 6 อย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อน

พูดถึง กล้วย ใครๆก็รู้ว่าเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์มาก แต่จะมีใครซักกี่คนที่รู้ว่าเปลือกกล้วยมีประโยชน์ ไม่น้อยไปกว่าเนื้อ ที่น่าทึ่งมาก และสามารถนำมาใช้ได้จริง โดยที่เราไม่จำเป็นต้องหาซื้อยาราคาแพง เพียงใช้เปลือกกล้วยที่เหลือจากการกิน เราก็สามารถใช้แทนยาได้แล้ว ไม่มีอันตรายผลข้างเคียง เรามาดูว่า เปลือกกล้วยมีประโยชน์อะไรบ้าง โดยอ้างถึง http://www.myhealthylifeadvice.com/ ว่า เปลือกกล้วยมีประโยชน์ถึง 6 อย่าง แต่ละอย่างก็น่าจะอยู่ในความสนใจของคนรักสุขภาพ เช่น ผิวหน้า ลดน้ำหนัก เป็นต้น
เปลือกกล้วย
(http://www.myhealthylifeadvice.com/)

1. เปลือกกล้วย สามารถทำให้ฟันขาวได้

ใช้เปลือกกล้วยด้านในถูฟัน ทุกวัน เป็นเวลา 2 สัปดาห์ คุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

2. ช่วยกำจัดหูด

มันจะจริงป่าวน้า มันช่วยกำจัดหูด และมันยังป้องกันไม่ให้หูดเกิดขึ้นมาอีกด้วย
วิธีการใช้ คือ นำเปลือกด้านใน วางบนหูด และใช่ผ้าพันแผลรัดเอาไว้ จนตอนเช้าค่อยเอาออก และทำแบบนี้จนกว่าหูดจะหาย เออ ต้องลอง

3. ปราศจาก สิว และริ้วรอย

กล้วยมีประสิทธิภาพดีเยี่ยมในการดูแลผิวหน้า เหตุผล เพราะกล้วยมี Antioxidents และ Antiaging เป็นคุฯสมบัติเด่นฌฉพาะตัว
กล้วยช่วยความชุ่มชื้นและบำรุงผิวหน้า
วิธีใช้ นำเปลื้อกกล้วยด้านใน ถูบนใบหน้า เน้าบริเวณผิวที่มีสิว หรือ บริเวณที่มีริ้วรอย ทำวันละ 30 นาที ต้องลองจึงจะเห็นผล

4. ช่วยบรรเทา อาการโรคสเก็ดเงิน

เน้น แค่ช่วยบรรเทา  ใช่ว่าจะรักษาได้หมด แค่บรรเทาอาการสเก็ดเงินได้บ้าง

5. เปลือกกล้วย เปรียบเสมือน ยาบรรเทาความเจ็บปวด (ANALGETIC)

นำเปลือกกล้วยไปทาบริเวณที่มีอาการปวด มันสามารถบรรเทาความเจ็บปวดได้ดีทีเดียว ใครเจอยุงกัด ตามแขน ขา เท้า หรือ มดกัด ต้องลองนะ จริงป่าวนะ ต้องลอง อันนี้น่าสน

6. เปลือกกล้วย ลดน้ำหนัก

อ้าวใครต้องการลดน้ำหนักด้วยเปลือกกล้ว เชิญทางนี้ เป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่า กล้วยมีโปรแทสเซี่ยมสูง ที่ช่วยปรับสมดุลในร่างกายป้องกันภาวะกรดเกิน (hyperacidity) และยังช่วยควบคุมความดันโลหิตที่สูงและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย

เปลือกกล้วย มี โพแทสเซียมมากถึง 40% มันช่วยเพิ่มการเผาผลาญอาหาร ส่งผลให้เผาผลาญแคลอรี และกล้ามเนื้อแข็งแรง มีพลัง จึงทำให้คุณสามารถออกกำลังได้ต่อเนื่อง

รูรอย่างนี้แล้ว เปลือกกล้วย ที่เหลือ อย่าทิ้ง ลองนำมาใช้ เป็นทางเลือกที่น่าจับตา อย่างไรก็ตาม เปลือกกล้วย ก็ยังมีคุณสมบัติอื่นๆ อีกมาก เช่น มีสาร antioxidants, มี fiber  มี วิตามิน B, และ วิตามิน A


Advertisment


อ้างอิง: http://www.myhealthylifeadvice.com/
เรียบเรียง,แปล โดย http://thaifoodrecipesmake.blogspot.com/
Share:

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เมนูแกงส้มกุ้งถั่วพู สูตรและวิธีทำ ง่ายๆ หม้อเดียวผ่าน

แกงส้มกุ้งถั่วพู


แกงส้มกุ้งถั่วพู
แกงส้มกุ้งถั่วพู

Aerk Food เข้าครัว วันนี้ทำแกงส้ม อีก คือ แกงส้มกุ้งถั่วพู เป็นแกงส้มที่ทำไม่ยาก เตรียมเครื่องให้เสร็จ ตั้งแต่ไปซื้อถั่วพูมา 1 ถุงในราคา 20 บาท ได้มาเยอะมาก ทำได้หลายหม้อแกง จากนั้น ซื้อกุ้งสด 2 ขีด ส่วนเครื่องปรุงอื่นๆ ก็มีอยู่ในครัวอยู่แล้ว เช่น เครื่องแกงส้ม มะนาว น้ำตาลทราย น้ำปลา กะปิ ได้เวลาก็ลงมือทำ




แกงส้มกุ้งถั่วพู เพลงประกอบ อลังการมาก

เครื่องปรุงและวัตถุดิบ

เครื่องแกงส้ม     1/2    ขีด   วิธีทำเครื่องแกงส้ม Youtube 
กะปิ                    1/2    ช้อนแกง
น้ำตาล                2       ช้อนแกง
น้ำปลา                2       ช้อนชา
น้ำมะนาว            2       ลูก
ฝงปรุงรสดีไก่      1/2    ช้อนชา

เครื่องปรุง แกงส้มกุ้งถั่วพู
เครื่องปรุง แกงส้มกุ้งถั่วพู

วิธีทำ

หั่น ถั่วพู พอดีคำใส่ตะกร้า หั่นถั่วฝักยาวใส่ตะกร้า จากนั้นนำไปล้างน้ำในกะละมัง แล้วพักไว้ก่อน จากนั้นก็แกะกุ้งเอาเส้นดำออก ค่อยๆ ทำไป แล้วพักไว้ก่อน

จากนั้นเพื่อความรวดเร็ว ให้น้ำเครื่องปรุงต่างๆ ใส่ในถ้วยตวง หรือถ้วยน้ำพริก พร้อมที่จะทำแกงส้มกุ้งถั่วพู

ตั้งน้ำด้วยหม้อหู ใส่น้ำเปล่าครึ่งหม้อ ตามด้วยเครื่องแกงส้ม และกะปิ ทำการละลายเครื่องแกงกับกะปิให้เข้ากัน รอน้ำเดือด แล้วตามด้วยถั่วพู ต้มไปได้ซักพัก ก็ตามด้วยกุ้ง 

จากนั้นตามด้วยเครื่องปรุง น้ำตาล น้ำปลา ฝงปรุง และสุกท้าย น้ำมะนาว ชิมให้ได้รส ขาดรสใดก็เติมรสนั้น เสร็จพร้อมกินกับข้าวสวยร้อนๆ สูตร แกงส้มกุ้งถั่วพู นี้สำหรับกินมื้อเดียว


Advertisment


Share:

เคล็ดลับ วิธีเก็บของสด ถ้าไม่มีตู้เย็น เก็บได้นาน

วิธีเก็บของสด ถ้าไม่มีตู้เย็น เก็บได้นาน


วิธีเก็บของสด
วิธีเก็บของสด

ร้านอาหาร ร้านอาหารตามสั่ง เขามีวิธีเก็บของสด โดยที่ไม่ต้องใช้ตู้เย็น เช่น เก็บเนื้อ หมู ไก่ ผัก เห็ด และเป็นวิธีการเก็บที่ใช้ได้นาน อาหารที่ทำ ก็เหมือนกับของยังสดใหม่อยู่เสมอ วิธีการที่ร้านอาหารตามสั่งใช้กัน ก็ คือ เก็บของสดไว้ในลังน้ำแข็ง ไม่จำเป็นต้องโรยเกลือ ขอเพียงถังน้ำแข็งอยู่ในสภาพดี หรือถังใหม่ น้ำแข็งก็จะละลายช้า และเก็บความเย็นได้นาน แต่ยังไม่พอ ต้องมีวิธีการเก็บ

วัสดุที่ใช้


1. หาซื้อ ถังเก็บน้ำแข็ง ของใหม่ หรือมือสองสภาพดี
2. ซื้อของสดเท่าที่ขายได้ ภายใน 2 วัน
3. ถ้วย อลูมิเนียม ใส่ของสด
4. น้ำแข็งป่น ครึ่งถังของลังน้ำแข็ง

ขั้นตอนในการเก็บของสด ให้อยู่ได้นาน โดยไม่ต้องใช้ตู้เย็น


เตรียมล้างลังน้ำแข็งไว้ ตากแดดให้แห้ง เมื่อแห้งแล้ว ให้ใส่น้ำแข็งป่นลงไปครึ่งถัง แล้วเกลี่ยให้ราบเรียบ จากนั้น นำเนื้อ หมู กุ้ง ไก่ ผัก ที่เตรียมไว้แล้ว ใส่ในถ้วยอลูมิเนียม จากนั้นก็จัดวางลงบนน้ำแข็ง เท่านี้ก็เรียบร้อย วิธีการเก็บของสดวิธีนี้สามารถเก็บได้ 2 วัน ยังไม่เห็นภาพ มีภาพให้ดู



ของสด วางบนน้ำแข็ง
ของสด วางบนน้ำแข็ง

กุ้งสดแกะเปลือก
กุ้งสดแกะเปลือก

เนื้อ หมู
เนื้อ หมู

รูปล่าง เป็นอุปกรณ์สำคัญในการเก็บของสด เป็นลังน้ำแข็ง ที่สามารถเก็บของสดได้
วิธีเก็บของสด ถ้าไม่มีตู้เย็น เก็บได้นาน
วิธีเก็บของสด ถ้าไม่มีตู้เย็น เก็บได้นาน

วิธีเก็บของสด ถ้าไม่มีตู้เย็น วิธีนี้สามารถเก็บได้ 2 วัน ก็ซื้อของสดให้พอดีกับกับวันที่ขาย แล้วก็ไปซื้อของสดใหม่ 


Advertisment


Share:

วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ประโยชน์ของพุทรา กินดิบ หรือจิ้มพริกเกลือ ก็อร่อย

ประโยชน์ของพุทรา กินดิบ หรือจิ้มพริกเกลือ ก็อร่อย

พุทรา
ผล พุทรา

พุทรา ถือว่าเป็นผลไม้คนกินน้อย แต่มากประโยชน์ ถ้าเดินไปร้านผลไม้ก็จะไม่ค่อยวางขายเท่าไร จะมีวางก็แซมๆ กับผลไม้อื่น แต่ถ้าพูดถึงประโยชน์แล้ว พุทรา มาเต็ม ไม่ว่าจะเป็นพุทราพันธุ์ใหนก็เหมือนกัน มีประโยชน์เหมือนกัน

ได้ค้นหาข้อมูลจาก https://en.wikipedia.org/ พบว่า ในผลพุทรา 100 g มีสารอาหารหลายอย่างที่จำเป็นต่อร่างกาย มีอะไรบ้างมาดูกัน

Nutritional value per 100 g (3.5 oz)
ให้พลังงาน (Energy)  = 331 kJ (79 kcal)
คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrates) = 20.23 g
ไขมัน (Fat) = 0.2 g
โปรตีน (Protein) = 1.2 g

วิตามิน (Vitamins) 

วิตามิน A (Vitamin A equiv.) (5%) 40 μg ---> บำรุงสายตา บำรุงกระดูก บำรุงผิวพรรณ

Thiamine (B1) (2%) = 0.02 mg  ---> ช่วยย่อยแป้ง ช่วยรักษาโรคเหน็บชา ช่วยบำรุงหัวใจ ระบบประสาท และบำรุงกล้ามเนื้อ

Riboflavin (B2) (3%) = 0.04 mg ---> ช่วยการมองเห็น ช่วยป้องกันโลหิตจาง ช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรน ช่วยรักษาโรคปากนกกระจอง
Vitamin B3 (Niacin) (6%) = 0.9 mg  ---> ช่วยบำรุงผิวได้ถึงผิวชั้นใน ช่วยเพิ่มอัตราการผลัดตัวของเซลล์ผิวเก่า ช่วยลดจุดด่างดำ ใบหน้า ลดการอักเสบของผิวหนัง และลดปัญหาการเกิดสิว

Vitamin B6 (6%) = 0.081 mg --> ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน, ช่วยบรรเทาอาการปากแห้งและคอแห้ง, ช่วยเปลี่ยนกรดอะมิโนให้เป็นวิตามินบี3 หรือไนอะซิน, ช่วยร่างกายสร้ายน้ำย่อยในกระเพาะอาหารและแร่ธาตุแมกนีเซียม, ช่วยแก้การเป็นตะคริว, แขนขาชาพร้อมกับขับปัสสาวะ, ช่วยร่างกายสร้างภูมิต้านทานแอนติบอดี้และช่วยสร้างเซลล์โลหิตให้ดีขึ้น, ช่วยบรรเทาโรคที่เกิดจากระบบประสาทและผิวหนัง, ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่เมื่อร่างกายขาดน้ำตาลวิตามิน B6 จะช่วยละลายน้ำตาลที่สะสมในตับและสารอาหารอื่นเปลี่ยนเป็นน้ำตาล

Vitamin C (83%) 69 mg      ----->ช่วยการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและต้านอนุมูลอิสระ

เกลือแร่ (Minerals)

แคลเซียม Calcium (2%) 21 mg
เหล็ก Iron (4%) 0.48 mg
แม็กนีเซียม Magnesium (3%) 10 mg
แมงกานีส Manganese (4%) 0.084 mg
Phosphorus (3%) 23 mg
โปรเทสเซียม Potassium (5%) 250 mg
เกลือ Sodium (0%) 3 mg
สังกะสี (Zinc) (1%) 0.05 mg

อื่นๆ (Other constituents)

น้ำ (Water) = 77.86 g

Advertisment



>
อ้างอิง
https://www.facebook.com/serumByAom/posts/417055091720589

เรียบเรียง http://thaifoodrecipesmake.blogspot.com/
Share:

วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

รีวิวถั่วเขียวต้มน้ำตาล 7-11 กินได้ทั้งเย็นและร้อน

รีวิวถั่วเขียวต้มน้ำตาล 7-11 กินได้ทั้งเย็นและร้อน

วันนี้จะมารีวิว ถั่วเขียวต้มน้ำตาล 7-11 วางอยู่ปนกับอาหารกล่อง ขนมหวานไทย น้ำสมุนไพร ซื้อมาจ่ายเงินเสร็จ กลับบ้าน จับขึ้นมาดูภายนอก ถั่วเขียวต้มน้ำตาลในถ้วย หรือประมาณถ้วยแก้วโยเกิรต์ ฝาปิดซีลอย่างดี มีบอกว่า ไม่ใส่ส่วนผสมของวัตถุกันเสีย สามารถกินได้ทั้ง ร้อนและเย็น โดยส่วนตัวชอบกินเย็น ถ้าได้น้ำแข็งป่นด้วยสุดยอด เหมือนกับกินหวานเย็นถั่วเขียว

ถั่วเขียว เป็นขนมหวานไทย สมัยเป็นเด็กใครเคยกินหวานเย็นถั่วเขียวบ้าง ก็ คือ ถั่วเขียวต้มน้ำตาล ใส่ถุงน้ำจิ้ม รัดปากถุงด้วยยางยึด แล้วก็นำไปแช่ช่องเย็นของตู้เย็น (สมัยก่อนไม่มีช่อง Freeze) แช่ไปประมาณ 12 ชั่วโมงจึงจะได้กิน แต่เดี๋ยวนี้หากินยากแล้ว ไม่มีใครทำ

ถั่วเขียวต้มน้ำตาล 7-11
ถั่วเขียวต้มน้ำตาล 7-11
 จับขึ้นมาดูฝากล่อง ถั่วเขียวต้มน้ำตาล ฝาปิดอย่างดี แน่นหนา ลองเปิด ง่ายไม่ยาก


ถั่วเขียวต้มน้ำตาล 7-11
ถั่วเขียวต้มน้ำตาล 7-11 ด้านข้างของแก้ว
ถั่วเขียวต้มน้ำตาล 7-11 ด้านข้างบอกวิธีทาน ใครทานร้อน ก็บอกพนักงาน 7 - 11 เข้าตู้ไมโครเวฟได้เลย ส่วนตัว admin ก็ชอบทานเย็นๆ ก็ไม่ได้เวฟ

ก่อนซื้อก็ดูวันที่หมดอายุ ข้าวถ้วยแก้วได้เลย

ถั่วเขียวต้มน้ำตาล 7-11
ถั่วเขียวต้มน้ำตาล 7-11 เมื่อเปิดฝา

วิธีทาน ถั่วเขียวต้มน้ำตาล ทานแบบเย็น

ถั่วเขียวต้มน้ำตาล 7-11 เมื่อเปิดฝามา ก็จะมีแต่น้ำเชื่อม น้ำตาลลอยอยู่ด้านบน ส่วนถั่วเขียวต้มก็จะอยู่ด้านล่าง ก็ให้ใช้ช้อนคนให้ถั่วเขียวที่จมอยู่ให้ลอยขึ้นมา แต่ถ้าไม่มีช้อนทาน ก็ให้เขย่าแก้วก่อนที่จะเปิดฝา จนแน่ใจว่าถั่วเขียวกับน้ำตาลเข้ากันดีแล้วจึงค่อยเปิดฝาแล้วยกแก้วดื่มได้เลย

รสชาติจากกินด้วยตัวเอง ไม่หวานมาก หวานพอดี เนื้อถั่วเขียว ก็ต้มนิ่ม ไม่แข็ง คือเคยกินถั่วเต้มที่ไม่นิ่ม กลิ่นเขียวจากเมล็ดยังอยู่ แต่ถั่วเขียวต้มน้ำตาลรายนี้ ถือว่า อร่อย

สรุปผลการชิม

ราคา:   ไปหาดู
ขนาด:   ก็พอได้รู้รสชาติ
ความอร่อย: ถือว่าใช้ได้


Advertisment


ภาพและรีวิว By http://thaifoodrecipesmake.blogspot.com/
Share:

วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ไปสักการะ พระนารายณ์ วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) สระบุรี เงียบสงบ

ไปสักการะ พระนารายณ์ วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) สระบุรี

ไปไหว้พระ และ สักการะ พระนารายณ์ ที่ วัดเขาวง สระบุรี เป็นวัดที่ร่มเย็น เงียบ สงบ มีต้นไม้ร่มรื่น วัดตั้งอยู่หน้าถ้ำพระนารายณ์ มีสระน้ำ ซึ่งน้ำก็ไหลออกมาจากถ้ำ ในสระน้ำมีปลาเลี้ยง เส้นทางไป ก็ไม่ยาก อยู่ ตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท สระบุรี

ประวัติ วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์)

วัดเขาวง ตั้งอยู่เลขที่ 62/1 หมู่ 5 ตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ได้รับอนุญาตให้สร้างวัด เมื่อวันที่
5 กรกฎาคม พ.ศ. 2460 และได้รับอนุญาตให้ตั้งวัดตามลำดับ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน
พ.ศ. 2521 มีบริเวณกว้าง 30 เมตร ยาว 51 เมตร เนื้อที่ 1,500 ตารางเมตร ดำเนินการผูกพัทธสีมาเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553
สถานที่แห่งนี้ เป็นศาสนสถานที่มีความสำคัญมาเป็นเวลายาวนาน สืบความไปถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสด็จจากวังนารายณ์ เมืองละโว้ (ปัจจุบัน คือ ลพบุรี) ไปว่าราชการ ณ กรุงศรีอยุธยา ทรงผ่านประทับพักแรม ณ ถ้ำนารายณ์  และสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมซึ่งเสด็จนมัสการรอยพระพุทธบาท ก็ได้เสด็จประทับพักแรมในถ้ำนารายณ์ ซึ่งมีอากาศเย็นสบายตลอดปี และจารึกอักษรผนังปากถ้ำก็ปรากฎหลักฐานว่าถ้ำนี้ได้เคยเป็นที่ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลเนื่องในการเผยแผ่และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมทางพระพุธศาสนากับประเทศศรีลังกามาตั้งแต่สมัยอนุราชปุระเมื่อกว่า 1,200 ปีมาแล้ว ผ่านความรุ่งเรืองและเสื่อมโทรมและฟื้นฟูขึ้นเป็นวัดตามประเพณีการปกครองแผ่นดินและการสืบอายุพระพุทธศาสนาดังกล่าวข้างต้น

ปัจจุบันนี้ โดยการนำของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโน) และพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโน) แห่งวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดเขาวงได้พัฒนาขึ้นมาสู่สภาพวัดพัฒนาตัวอย่างที่มีผลงานดีเด่น และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) เพื่อรักษาไว้เป็นมรดกวัฒนธรรมศาสนาของชาติ สืบไป




รูปปั้น พระนารายณ์ วัดเขาวง สระบุรี
รูปปั้น พระนารายณ์ วัดเขาวง สระบุรี


ภายในถ้ำพระนารายณ์
ภายในถ้ำพระนารายณ์


ซุ้มประตูทางเข้าถ้ำ พระนารายณ์
ซุ้มประตูทางเข้าถ้ำ พระนารายณ์


Advertisment



อาหารไทย http://thaifoodrecipesmake.blogspot.
Share:

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ผัดซีอิ๊วหมูกรอบ เส้นใหญ่ วิธีทำ สูตร ทำง่ายขายคล่อง ทำกินดี

ผัดซีอิ๊วหมูกรอบเส้นใหญ่ วิธีทำ สูตร ทำง่ายขายคล่อง ทำกินดี

ผัดซีอิ๊ว เป็นเมนูอาหารตามสั่ง ยอดนิยมอีกหนึ่งเมนู เนื่องจากอาจจะเบื่อข้าวกะเพราไก่ หมู หมึก กุ้ง ข้าวผัด ผัดพริกแกงต่างๆ ผัดซีอิ๊วก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนชอบเมนูอาหารตามสั่ง ผัดซีอิ๊ว เส้นใหญ่ใส่หมูกรอบ 3 ชั้น สั่งโดยลูกค้า ก็ผัดให้กิน ผลที่ออกมาเป็นอย่างไร ไปชม Video clip แต่ก่อนอื่นก็มีสูตรผัดซีอิ๊วให้ก่อน เผื่อเอาไปทำกินกัน

INGREDIENTS

  1. ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่
  2. คะน้าฮ่องกง     4      ต้น
  3. น้ำตาลทราย     2      ช้อนชา
  4. ซีอิ๊วดำ             1       ช้อนชา
  5. หมูกรอบหั่น      10     ชิ้น
  6. น้ำปลา             2       ช้อนชา
  7. ไข่ไก่                1       ฟอง
  8. น้ำมันพืช
  9. น้ำมันหอย

DIRECTION           

เตรียมของทุกอย่างพร้อม เช่น หั่นคะน้า ก็สามารถกินได้ทั้งต้นและใน ซึ่งคะน้าฮ่องกงต้นจะอ่อน จากนั้นตั้งกะทะร้อน ตามด้วยน้ำมันพืช ตามด้วยหมูกรอบ ตามด้วยเส้นก๋วยเตี๋ยว ตามด้วยไข่ไก่ ผัดให้เข้ากัน จากนั้นก็ตามด้วยเครื่องปรุงทั้งหมด สุดท้ายตามด้วย ผักคะน้า ลองไปดู Video clip กัน





Advertisement




Share:

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2559

อาหารตามสั่ง ผัดฉ่ากุ้งทะเล ใส่ผักตามลูกค้าสั่ง

อาหารตามสั่ง ผัดฉ่ากุ้งทะเล ใส่ผักตามลูกค้าสั่ง

เมนูอาหารตามสั่ง กุ้งผัดฉ่า หรือ ผัดฉ่ากุ้งทะเล ผักตามใจลูกค้า ด้วยรสชาติของเครื่องสมุนไพรและผักต่างๆ ทำให้ผัดฉ่าเป็นที่ชื่นชอบของใครต่อใครหลายคน ขิง เผ็ดร้อนของพริกไทสด ทำให้ผัดฉ่าราดข้าวคงความอาหารไทยอยู่ได้ สูตรผัดฉ่า ก็ไม่ยุ่งยากเพียงแต่ต้องเตรียมเครื่องให้พร้อม ก็สามารถผัดเสร็จได้ในเวลาอันรวดเร็ว

ผัดฉ่ากุ้งทะเล
ผัดฉ่ากุ้งทะเล
Advertisment





INGREDIENTS



กุ้งสด       5         ตัว

พริกอ่อน      1       ฝัก

พริกไทอ่อน

น้ำมันหอย     1      ช้อนแกง

น้ำตาลทราย    2     ช้อนชา

น้ำปลา             2     ช้อนชา

ผงปรุงรส         1       ช้อนชา

น้ำสต็อกไก่      2       ช้อนแกง

ขิงซอย

น้ำมันพืช         1       ช้อนแกง

มะเขือเปราะ หั่น ผ่าซีก



DIRECTION





  1. กุ้งสดแกะเปลือก ผ่าเส้นหลังออก ล้างน้ำ พักไว้ก่อน
  2. ตั้งกะทะ ใส่น้ำมันพืช ตามด้วยกุ้ง ผัดพอสุก
  3. ตามด้วยมะเขือ ขิงซอย พริกหยวกซอยให้สวยงาม โยนลงไป ทำการผัดให้พอสุก
  4. ตามด้วยเครื่องปรุง น้ำตาลทราย น้ำมันหอย น้ำปลาปรุงรส สุดท้ายตามด้วย น้ำสต็อก

เคล็ดลับในการผัด ควรเลือกกุ้งที่มีขนาดกลาง เพราะเวลาผัดแล้ว เนื้อกุ้งจะไม่หดเหี่ยว เพราะถ้าผัดขาย ก็จะเหมือนได้กุ้งน้อย


Advertisment


Share:

รวมเมนูอาหารและน้ำผลไม้ต้านมะเร็ง

รวมเมนูอาหารและน้ำผลไม้ต้านมะเร็ง

เมนูอาหารและน้ำผลไม้ต้าน มะเร็ง อาหารแบบไทยๆ ก็มีหลากหลายเมนูที่เรารู้จักที่สามารถทำเป็นเมนูอาหารต้านมะเร็ง ผักบางอย่างสามาถหาได้ตามริมรั้วรอบบ้าน หรือสามารถปลูกเพิ่มได้ ยิ่งผักใบเขียวยิ่งมีประโยชน์มาก

ผัดมะรุมกุ้งเสียบ
แกงจืดยอดตำลึงสาหร่าย
เส้นหมี่ราดหน้าผักรวม
ปลาทับทิมสามรส
แกงเผ็ดเป็ดย่าง
แกงส้มผักรวม
ส้มตำไทย
ชาเห็ดหลินจือ
ไข่ผัดกะหล่ำม่วง
แกงเลียงผักรวม
วุ้นเส้นผัดไทยใส่กุ้ง
แกงจืดตำลึงเต้าหู้
ฉู่ฉี่ปลาทับทิม
ต้มยำเห็ด
น้ำแครอท
แกงจืดผักรวม
มะระจีนผัดถั่ว
สลัดผักใส่ถั่วแดงหลวง
ผัดคะน้าน้ำมันหอย
แกงเขียวหวานไก่
ยำวุ้นเส้น
ชามะรุม

15 ผักผลไม้ที่กินแล้วมะเร็งไม่ชอบ

ข้าวกล้อง
ข้าวสาลี
หอมแดง
ยอดแค
คะน้า
ข้าวดอย
เมล็ดเดือย
กระเทียม
ข้าวโพดหวาน
กวางตุ้ง
ข้าวบาร์เลย์
หอมใหญ่
ถั่วพู
มันเทศ
บล็อคเคอรี่


Share:

วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2559

หมูผัดน้ำมันหอย - วิธีทำพร้อมสูตร ง่าย อร่อย

หมูผัดน้ำมันหอย - วิธีทำพร้อมสูตร ง่าย อร่อย

หมูผัดน้ำมันหอย เป็นเมนูตามสั่งอีกอย่างที่นิยมกินกัน เด็ก ผู้ใหญ่ ทานได้ ไม่เผ็ดแต่ถ้าใครชอบเผ็ดร้อน ก็ใส่พริกไทลงไป หรือจะกินกับพริกน้ำปลาก็ไม่ว่ากัน สูตรหมูผัดน้ำมันหอยสูตรนี้ก็ได้จากร้านเมนูตามสั่งที่อาหารไทย by Aerk ได้เปิดร้านอาหารตามสั่งขึ้นมาเอง เป็นสูตรที่ทำกินบ่อยตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดร้าน ไปดูว่า เมนู หมูผัดน้ำมันหอย สูตร และวิธีทำ ง่ายๆ กัน
หมูผัดน้ำมันหอย
หมูผัดน้ำมันหอย

INGREDIENTS


1. เนื่อหมูสันใน     1/2      ถ้วย
2. น้ำมันหอย         2         ช้อนแกง
3. กระเทียมสับ      5         กลีบ
4. น้ำตาลทราย     2         ช้อนชา
5. ผงปรุงรส           1/2      ช้อนแกง
6. น้ำสต็อก            2         ช้อนแกง
7. ซีอิ๊วดำ
8. หอมใหญ่          1/2       หัว
9. น้ำมันพืช         2         ช้อนแกง

DIRECTION


- นำเนื้อหมูหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ พักไว้ก่อน
- หั่นหอมใหญ่ ให้เป็นไปตามแนวของหัว
- ตั้งกะทะ เปิดไฟ ตามด้วยน้ำมันพืช
- เมื่อน้ำมันเริ่มร้อน ให้ตามด้วยกระเทียม ผัดให้หอม จากนั้นตามด้วยเนื้อหมู ทำการรวนผัดให้พอสุก ใส่น้ำสต็อกไป ในกะทะ กันไม่ให้เนื้อหมูไหม้
- จากนั้นเตรียมเครื่องปรุงต่างๆ น้ำตาลทราย น้ำมันหอย ผงปรุงรส ซีอิ๊วดำ เทลงบนตะหลิว แล้วคนให้เข้ากับเนื้อหมู จะได้กลิ่นหอม
- ตามด้วยหอมใหญ่ที่หั่นเอาไว้แล้ว ผัดจนสุก ตักราดบนข้าวสวยร้อนๆ ทานได้เลย

สูตรข้าวราดแกง
สูตรอาหารตามสั้ง
Share:

เรื่องเล่า วิถีชีวิตคนทำน้ำตาลโตนด สุราษฎร์ธานี

เรื่องเล่า วิถีชีวิตคนทำน้ำตาลโตนด สุราษฎร์ธานี


น้ำตาลโตนด
(Source:https://th.wikibooks.org/)


น้ำตาลโตนด ในวัยเด็กอะไรๆ ก็สนุกไปหมด ช่วงปิดเทอมก็ได้ไป จ. สุราษฎร์ธานี ไชยา เป็นถิ่นทำนาข้าว ทำ น้ำตาลโตนด เป็นอาชีพหลัก โดยตามคันนาก็มีต้นตาลสูงใหญ่ ในวันหนึ่งตอนเช้า ได้ยินเสียงรถไฟวิ่งผ่าน เปิดหวูดเสียงดังมาแต่ไกล ทำให้เด็กคนหนึ่งที่บ้านมีแต่ภูเขา ต้นไม้ ที่ไม่เคยเห็นรถไฟ ก็ตื่นขึ้นมาเพื่อดูรถไฟวิ่ง เป็นขบวนยาว เมื่อขบวนรถไฟผ่านไป เสียงกระบอกไม้ไผ่ก็ดังกระทบกัน เป็นกระบอกใส่น้ำตาลสดจากต้นโตนด

ปู่ก็บอกว่า ไปเราไปเก็บน้ำตาลสดกัน เด็กน้อยเดินข้ามถนน ตามปู่ไป อากาศตอนเช้าดีมากๆ เย็นสบาย เดินตามไปตามคันนา ปู่ยืนหยุดใต้ต้นโตนดสูงใหญ่ ปู่บอกว่า คอยนี้ละเดี๋ยวจะขึ้นไปเก็บน้ำตาลโตนด จากนั้น ปู่ก็ปีนขึ้นไปตามต้นไม้ไผ่ ที่มีกิ่ง เรียกว่า "โอง" ปีนขึ้นพร้อมกับกระบอกเก็บน้ำตาล และก็เอากระบอกที่มีน้ำตาลสดลงมา

ปู่ยื่นให้ชิม เด็กชายได้ลิ้มลองน้ำตาลโตนดสด  หอม หวาน กลมกล่อม มาก จากนั้นปู่ก็ไปเก็บที่ต้นตาลต้นอื่นต่อไป

เมื่อเก็บเสร็จ เด็กน้อยก็ช่วยปู่แบกกลับบ้าน 2 กระบอก ไปจนถึงโรงกวนน้ำตาลปึก ที่มีหลังคาเป็นใบตาล

สมัยนั้นไม้ฟืนยังมีอยู่มาก ยังหาได้ ปู่จุดไฟฟืน เตาจะเป็นเตาที่ก่อจากปูน ใช้ไม้ฟืนท่อนยาว เมื่อไฟลุกได้ที่ ก็ตั้งเตาใบใหญ่มากๆ แล้วก็เทน้ำตาลสดแต่ละกระบอกลงไปในกะทะ เกือบเต็มกะทะ

จากนั้นลงมือกวน กวนน้ำตาลโตนดตั้งแต่ยังเป็นน้ำขุ่นๆ จนกลายเป็นน้ำตาลปึกสีแดงเข้ม เมื่อกวนจนได้ที่ก็จะตักวางลงบนใบตอง หรือใบกล้วย ให้เป็นปึก แล้วปล่อยให้แข็งตัว แล้วก็ใส่ถุงชั่งกิโลไปขาย

เด็กน้อยไรเดียงสา กวนไป ก็ใช้นิ้วจิ้มไปชิมน้ำตาลไป หวาน หอม อร่อย

นี่แหละวิถีชีวิตคนทำน้ำตาลโตนด สุราษฏร์ธานี บ้านห้วย ไชยา

เรื่อง http://thaifoodrecipesmake.blogspot.com/

Share:

วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559

กะเพรา ให้ประโยชน์อะไรได้บ้าง Holy Basil

กะเพรา ให้ประโยชน์อะไรได้บ้าง Holy Basil

กะเพรา ต้น ใบ ดอก
กะเพรา ต้น ใบ ดอก ริมทาง


จะว่าไป กะเพรา เราทราบดีอยู่แล้วว่าทำอาหารคาวด้วยใบกะเพรา ช่วยดับกลิ่นคาวและเพิ่มรสชาติอาหารได้เป็นอย่างดี นิยมทำเป็นข้าวกะเพรา ไก่ หมู กุ้ง กะเพราทะเล แต่หารู้ไม่ว่า ใบกะเพรามีประโยชน์ที่ใกล้ตัวเราและดีด้วย หนึ่งในนั้นก็คือ มีฤทธิ์ต้านที่เป็นตัวทำให้เกิดอาการท้องเสีย แต่ยังมีอย่างอื่นที่สาวๆ ชอบ

ยับยั้งการสังเคราะห์ของสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ เช่น ยับยั้งการอักเสบของสิว

มาดูคุณค่าทางอาหารของใบกะเพรา ว่ามีอะไรบ้าง ใบกะเพรามี วิาตมินเอ บำรุงสายตาและป้องกันการเสื่อมของตาก่อนจะสายวัยอันควร ซึ่ง น้ำหนักใบกะเพรา 100 กรัม ก็จะให้เบต้าแคโรทีนสูงถึง 7,000 กว่า ไมโครกรัม ซึ่งสารนี้ก็จะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกายนั่นเอง

อีกสรรพคุณของใบกะเพราที่มีมาแต่โบราณ คือ ใช้เป็นยาประจำบ้าน ยาฉุกเฉิน แก้จุกเสียด แก้แน่นท้อง ช่วยขับลม ใครที่มีอาการดังกล่าว และใกล้บ้านมีใบกะเพรา ก็ให้เตรียมต้มน้ำให้เดือด แล้วใส่ใบกะเพราลงไป จากนั้น ก็กรองเอาเฉพาะน้ำดื่ม แก้อาการดังกล่าวเบื้องต้นได้

ลักษณะของใบกะเพรา

บ้านเรา มีใบกะเพรา ที่เห็นๆ ตามท้องตลาด คือ กะเพราขาว และ กะเพราแดง โดยสังเกตุได้จากสีของก้านใบ โดยความเผ็ดร้อนมีมากในใบกะเพราแดง

การปลูกกะเพรา มี 2 แบบ โดยปลูกเป็นการค้า จะใช้เมล็ด หว่านในแปลงปลูก แล้วใส่ปุ๋ยเร่งใบ ทำให้กะเพราชนิดนี้มีใบที่ใหญ่ และระยะเก็บเกี่ยวสั้น จะเห็นได้จากตลาดค้าส่ง ส่วนรสชาติ สู้กะเพราที่ปลูกตามบ้านไม่ได้ ดังจะกล่าวต่อไป

ปลูกตามบ้าน ปลูกในกะถาง ซึ่ง การปลูกแบบนี้ จะได้ต้นกะเพราที่ใหญ่ มีกลิ่นหอมฉุนมากกว่ากะเพราที่ปลูกขาย รสชาติที่ได้จากการทำอาหารก็จะดีกว่า เรียกว่าหอมเลยทีเดียว

กะเพราใช่ว่าจะมีประโยชน์แต่ใบอย่างเดียวนะ ไปดูส่วนอื่นที่ใช้ประโยชน์ได้
รากและต้น ต้มน้ำ กินแก้ร้อนใน แก้ท้องอืด แน่นท้อง

ดอก แก้หลอดลมอักเสบ มีสารยังยั้งอาการอักเสบ

เมล็ด แก้ทางเดินปัสสาวะและไตอักเสบ และบำรุงผิว



Advertisment


เห็นประโยชน์ของ กะเพรา แล้วก็ใครที่ไม่ทานกะเพรา ก็ลองหันมาสนใจ หรือนำประโยชน์ที่ได้ไปเป็นแนวทางในการศึกษา หรือบอกต่อก็ได้ หรือถ้าชอบใบกะเพราเพื่อทำอาหาร ก็ลองหามาปลูกกัน ประโยชน์นั้นมาก อย่างน้อย ก็จะได้ทานข้าวกะเพราที่แสนอร่อย

บทความโดย http://thaifoodrecipesmake.blogspot.com/
Share:

วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ครบเครื่องเรื่อง 11 สูตรพริกแกง พร้อมวิธีทำ Thai Curry Past

ครบเครื่องเรื่อง 11 สูตรพริกแกง พร้อมวิธีทำ Thai Curry Past 

พริกแดงสด
พริกแดงสด ส่วนผสมหลักในการทำพริกแกงต่างๆ

รวมสุดยอด 11 สูตรพริกแกง ไทยเราจะทำกินเอง ทำขาย ก็นำไปประยุกต์ได้ สูตรพริกแกง หรือเรียกง่ายๆ ว่า เครื่องแกง เป็นวัฒณธรรมการกินของไทยเรา จะหาสูตรพริกแกงทำอาหาร เช่น พริกแกงเผ็ด แกงส้ม แกงไตปลา แกงคั่ว แกงมัสมั่น แกงกะหรี่ แกงคั่ว แกงพะแนง แกงเขียวหวาน แกงฮังเล ทั้งหมดรวมในนี้ ครบเครื่องเรื่อง 11 สูตรพริกแกง ติดตาม

1. สูตรพริกแกงไตปลา

ส่วนผสมน้ำพริกแกงไตปลา

พริกขี้หนูแห้งแช่น้ำพอนุ่ม               5               เม็ด
พริกขี้หนูสด                                  10             เม็ด
ตะไคร้ซอย                                    ¼              ถ้วยตวง
กระเทียมไทย                                 2              ช้อนโต๊ะ
หอมแดงซอย                                  1             ช้อนโต๊ะ
ข่าซอย                                           1              ช้อนชา
ขมิ้นสดซอย                                   2              ช้อนชา
พริกไทยเม็ด                                   1              ช้อนชา
กะปิ                                               1              ช้อนชา
เกลือป่นหยาบ

วิธีทำ

- โขลกพริกขี้หนูแห้งกับเกลือป่นให้ละเอียด ค่อย ๆ ใส่ส่วนผสมที่เหลือ โขลกให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน

2. พริกแกงเผ็ด

ส่วนผสมน้ำพริกแกงเผ็ด

พริกชี้ฟ้าแห้งน้ำเมล็ดออก              
แช่น้ำพอนุ่ม                                   10             เม็ด
ตะไคร้ซอย                                     1                 ช้อนชา
กระเทียมไทย                                 1½            ช้อนโต๊ะ
หอมแดงซอย                                  1               ช้อนโต๊ะ
ผิวมะกรูดซอย                                ½               ช้อนชา
รากผักชีซอย                                  1                ช้อนโต๊ะ
กะปิ                                              1                 ช้อนชา
เกลือป่นหยาบ                                ½               ช้อนชา

วิธีทำ

- โขลกพริกชี้ฟ้าแห้งกับเกลือป่นให้ละเอียด ค่อย ๆ ใส่ส่วนผสมที่เหลือ โขลกให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน


3. พริกแกงเหลือง


ส่วนผสมน้ำพริกแกงเหลือง

พริกขี้หนูแห้งแช่น้ำพอนุ่ม              5               เม็ด  
พริกขี้หนูสด                                  5               เม็ด
ขมิ้นสดซอย                                 1½             ช้อนโต๊ะ
กระเทียมไทย                                1               ช้อนโต๊ะ
หอมแดงซอย                               1½              ช้อนชา                  
เกลือป่นหยาบ                             1½              ช้อนชา                
กะปิ                                             ½                ช้อนโต๊ะ    

วิธีทำ

   - โขลกพริกขี้หนูแห้งกับเกลือป่นให้ละเอียด ค่อย ๆ ใส่ส่วนผสมที่เหลือ โขลกให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน

4.พริกแกงกะหรี่                     

ส่วนผสมน้ำพริกแกงกะหรี่

พริกชี้ฟ้าแห้งน้ำเมล็ดออก            
แช่น้ำพอนุ่ม                                  6               เม็ด
หอมแดงซอย                                3                ช้อนโต๊ะ                
กระเทียมไทย                               1½              ช้อนโต๊ะ                  
ขิงซอย                                          2                ช้อนชา
ตะไคร้ซอย                                    2                ช้อนชา                
ข่าซอย                                          2                ช้อนชา                
ลูกผักชีคั่วป่น                                2                ช้อนชา                  
ยี่หร่าคั่วปั่น                                   2                ช้อนชา              
เกลือป่นหยาบ                               1                ช้อนชา                                                    
กะปิ                                             1½              ช้อนชา      
ผงกะหรี่                                       1¼               ช้อนชา
วิธีทำ
   - โขลกพริกชี้ฟ้าแห้งกับเกลือป่นให้ละเอียด ค่อย ๆ ใส่ส่วนผสมที่เหลือ โขลกให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน
                                                               

5.พริกแกงมัสมั่น

ส่วนผสมน้ำพริกแกงมัสมั่น

พริกชี้ฟ้าแห้งน้ำเมล็ดออก
แช่น้ำพอนุ่ม                                  5               เม็ด
เกลือป่นหยาบ                               ¼              ช้อนชา
ตะไคร้ซอยคั่ว                                ½              ช้อนโต๊ะ
หอมแดงเผาซอย                           3               ช้อนโต๊ะ
กระเทียมเผาซอย                          3               ช้อนโต๊ะ
ข่าเผาซอย                                   ½               ช้อนโต๊ะ
พริกไทยเม็ด                                 ¼               ช้อนชา
รากผักชีหั่นละเอียดคั่ว                  2                ช้อนชา
ลูกผักชีคั่วปั่น                               2                ช้อนชา
ยี่หร่าคั่วป่น                                 ¼                ช้อนชา
ลูกจันทน์คั่วป่น                           ¼                ช้อนชา
ดอกจันทน์คั่วป่น                         ¼                ช้อนชา
อบเชยคั่วป่น                              1/8               ช้อนชา
กะปิเผา                                      1                 ช้อนชา
วิธีทำ
- โขลกพริกชี้ฟ้าแห้งกับเกลือป่นให้ละเอียด ค่อย ๆ ใส่ส่วนผสมที่เหลือ โขลกให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน

6.พริกแกงคั่ว

ส่วนผสมน้ำพริกแกงคั่ว

พริกชี้ฟ้าแห้งนำเมล็ดออก
แช่น้ำพอนุ่ม                                  4               เม็ด
ข่าสับ                                            1              ช้อนชา
ตะไคร้ซอย                                    1½            ช้อนชา
ผิวมะกรูดซอย                               ½              ช้อนชา
รากผักชีซอย                                  ½              ช้อนชา
หอมแดงซอย                                 2               ช้อนโต๊ะ
กระเทียมไทย                                2                ช้อนโต๊ะ
เกลือป่นหยาบ                              1               ช้อนชา
กะปิ                                              1               ช้อนชา    
พริกไทยเม็ด  
วิธีทำ
- โขลกพริกชี้ฟ้าแห้งกับเกลือป่นให้ละเอียด ค่อย ๆ ใส่ส่วนผสมที่เหลือ โขลกให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน

7. พริกแกงพะแนง

ส่วนผสมน้ำพริกแกงพะแนง

พริกชี้ฟ้าแห้งนำเมล็ดออก
แช่น้ำพอนุ่ม                                  6               เม็ด
หอมแดงซอย                                 5              หัว
กะเทียมไทย                                   2              หัว
ข่าหั่นฝอย                                      1              ช้อนชา
ตะไคร้หั่นฝอย                                1              ช้อนโต๊ะ                          
รากผักชีหั่นฝอย                            1½             ช้อนชา
ผิวมะกรูดหั่นฝอย                          1½             ช้อนชา
ลูกผักชีคั่วป่น                                 1               ช้อนชา
ยี่หร่าคั่วป่น                                     ½              ช้อนชา
พริกไทยป่น                                    ½               ช้อนชา
เกลือป่นหยาบ                                1               ช้อนชา
กะปิ                                               1               ช้อนชา
วิธีทำ
- โขลกพริกชี้ฟ้าแห้งกับเกลือป่นให้ละเอียด ค่อย ๆ ใส่ส่วนผสมที่เหลือ โขลกให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน

8.พริกแกงเขียวหวาน

ส่วนผสมน้ำพริกแกงเขียวหวาน

พริกชี้ฟ้าสีเขียว                                7               เม็ด
พริกขี้หนูสีเขียว                               10             เม็ด
หอมแดงซอย                                  2½            ช้อนโต๊ะ
กระเทียมไทย                                  3               ช้อนโต๊ะ
ตะไคร้หั่นฝอย                                 1               ช้อนโต๊ะ
ข่าหั่นบาง                                       ½              ช้อนชา
รากผักชีหั่นฝอย                               1               ช้อนโต๊ะ
ลูกผักชีคั่วป่น                                 1½              ช้อนชา
ยี่หร่าคั่วป่น                                     ½               ช้อนชา
พริกไทยเม็ด                                    7                เม็ด
เกลือป่นหยาบ                                  ½              ช้อนชา
กะปิ                                                 ½               ช้อนชา
วิธีทำ
- โขลกพริกชี้ฟ้า พริกขี้หนู กับเกลือป่นให้ละเอียด ค่อย ๆ ใส่ส่วนผสมที่เหลือ โขลกให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน

9. พริกแกงฉู่ฉี่

ส่วนผสมน้ำพริกแกงฉู่ฉี่


พริกชี้ฟ้าแห้งน้ำเมล็ดออก
แช่น้ำพอนุ่ม                                  5               เม็ด
หอมแดงซอย                                10             หัว
กระเทียมไทย                                10             กลับ
ข่าหั่นฝอย                                     4              แว่น
ตะไคร้ซอย                                    ½             ช้อนโต๊ะ
กะปิ                                              1             ช้อนชา
เกลือป่นหยาบ                              ½             ช้อนชา  
วิธีทำ          
- โขลกพริกชี้ฟ้าแห้งกับเกลือป่นให้ละเอียด ค่อย ๆ ใส่ส่วนผสมที่เหลือ โขลกให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน
 

10.พริกแกงฮังเล

ส่วนผสมน้ำพริกแกงฮังเล

พริกชี้ฟ้าแห้งนำเมล็ดออก
แช่น้ำพอนุ่ม                                  4               เม็ด
ตะไคร้ซอย                                   1               ช้อนโต๊ะ
ข่าหั่นแว่น                                   2                แว่น
หอมแดงซอย                               1               หัว
กระเทียมไทย                               5               กลีบ
ขมิ้นสดหั่นแว่น                            ½              ช้อนชา                
กะปิ                                            1               ช้อนโต๊ะ
เกลือป่นหยาบ                             1               ช้อนชา
ผงแกงฮังเล                                  1               ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- โขลกพริกชี้ฟ้าแห้งกับเกลือป่นให้ละเอียด ค่อย ๆ ใส่ส่วนผสมที่เหลือ โขลกให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน


11.พริกแกงส้ม

ส่วนผสมน้ำพริกแกงส้ม

พริกชี้แห้งนำเมล็ดออก
แช่น้ำพอนุ่ม                                  4              เม็ด
พริกขี้หนูแห้งนำเมล็ดออก
แช่น้ำพอนุ่ม                                  3              เม็ด
หอมแดง                                      5              หัว
กะปิ                                              1             ช้อนโต๊ะ
กระชายหั่นท่อน                            1              ช้อนโต๊ะ
เกลือป่นหยาบ                              1              ช้อนชา
วิธีทำ
- โขลกพริกชี้ฟ้าแห้ง พริกขี้หนูแห้ง กับเกลือป่นให้ละเอียด ค่อย ๆ ใส่ส่วนผสมที่เหลือ โขลกให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน



Advertisment


Share:

วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2559

กะทิสดทำอาหารคาวหวานดีสุดร้านข้าวแกงจะเลือกใช้กัน

กะทิสดทำอาหารคาวหวานดีสุดร้านข้าวแกงจะเลือกใช้กัน

ถ้าเป็นไปได้ Aerk เลือก กะทิสด ดังโบราณพ่อ แม่ ปู่ ยา ทำอาหารคาว หวาน เค้าเลือกใช้ กะทิสด กัน และเป็นข้อยืนยัน สูตรน้ำจิ้มราดกล้วยปิ้งก็ใช้กะทิสด แต่ก่อนจะลงตัวก็ลองใช้กะทิกล่อง ผลปรากฎว่ารสชาติของน้ำราดกล้วยปิ้งมันไม่ใช่ อย่างทำอาหาร คาว เช่น แกงกะทิ ก็ใช้กะทิสดถ้าใช้กะทิกล่องความเป็นแกงเผ็ดรสชาติก็ไม่เหมือน ร้านขายข้าวแกงก็ใช้กะทิสด

น้ำกะทิสด
น้ำกะทิ สูตรน้ำราดกล้วยปิ้ง

ข้อดีของกะทิสด


  • กะทิสดใหม่ หาซื้อได้จากร้านขายเครื่องแกง เครื่องปรุง
  • คั้นกะทิสด สามารถบอกเจ้าของร้านว่า ขอกะทิแยกหัวและหางกะทิ
  • กะทิสดจะหอมมากกว่า กล่อง
  • สามารถเก็บในตู้เย็นได้ อย่างมากไม่เกิน 1 วัน ถ้าขายข้าวแกง ทำขนม ก็หมดแล้ว
  • หวานแบบธรรมชาติ กะทิสดหวานขึ้นจมูก ไม่หวานลึก 
  • น้ำกะทิสด หัวกะทิจะไม่ข้น
  • หาซื้อง่าย ถ้าอยู่ใกล้ตลาด
  • ถ้าบ้านใหนมีต้นมะพร้าว ก็จะคั้นตอนใหนก็ได้ เก็บทั้งลูกได้นาน
  • สามารถใช้กากมะพร้าวไปขัดถูพื้นให้มันเงาได้

ข้อเสีย

  • ราคาแพง แต่ก็ห่างกันไม่มาก ต่างกันรสชาติกะทิสดดีกว่า
  • เก็บได้ไม่นาน แก้ได้ โดยการซื้อเท่าที่ใช้
เมนูอาหารที่ใช้ กะทิสด ได้แก่ แกงเขียวหวาน ผัดเผ็ดต่างๆ น้ำยาขนมจีน แกงเลียงใส่กะทิ ขนมต่างๆ เช่น ขนมหม้อแกง ขนมชั้น ลอดช่องกะทิสด รวมมิตรกะทิสด กล้วยบวดชี บวดฟักทอง เป็นต้น การทำอาหารด้วยกะทิสดเป็นวัฒนธรรมของไทยเรามีมาช้านาน เป็นเอกลักษณ์ ที่ชาติใดในโลกไม่เหมือน สนับสนุนชาวสวนให้ปลูกมะพร้าว เพื่อความยั่งยืนทางอาหารของไทยเรา กะทิ คู่กับอาหาร คาว หวาน ไทยเรา


Advertisment


เรื่องและภาพ http://thaifoodrecipesmake.blogspot.com/
Share:

วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559

สูตรพริกเกลือน้ำตาลทราย เด็ด อร่อย กินกับฝรั่ง

สูตรพริกเกลือน้ำตาลทราย เด็ด อร่อย กินกับฝรั่ง

ผลไม้กับสูตรพริกเกลือ น้ำตาลทรายอร่อยมาก หรือกินกับผลไม้ได้ทุกชนิด แต่วันนี้มีฝรั่งก็เลยเข้าครัวตำพริกเกลือ เพิ่มน้ำตาลทราย รสกลมกล่อม สูตรนี้ไม่ใส่ผงชูรส เหมือนที่ขายตามรถเข็นทั่วไป ง่ายๆ เป็นสูตรโบราณที่ Aerk ได้กินมาแต่เด็ก สูตรนี้ใช้พริกแดงสด ที่ใช้ผัดกะเพรา ติดตามสูตรได้เลย

พริกแดง สด
พริกแดง สด

พริกเกลือ น้ำตาลทราย
พริกเกลือ น้ำตาลทราย กินกับฝรั่ง


ทุกวันนี้หาทานพริกเกลือแท้ๆ อร่อยๆ ยากตามรถเข็นผลไม้ ส่วนมากก็จะใช้สีแทนพริก ใส่ผงชูรส เห็นกันเป็นผงเลย น่ากลัว ลองพริกเกลือสูตรนี้แล้วจะติดใจ

สูตรและเครื่องปรุง


พริกแดงสด        4          เม็ด
เกลือป่น             2          ช้อนชา
น้ำตาลทราย      5           ช้อนชา

วิธีทำ

นำพริกล้างน้ำให้สะอาด ใส่ลงในครกหิน จากนั้นตามด้วยเกลือ แล้วตำให้เข้ากัน จะเห็นสีแดงของพริก จากนั้นตามด้วยน้ำตาลทราย ใช้ช้อนคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วตักใส่ถ้วย พร้อมกินกับฝรั่ง

สูตรพริกเกลือ น้ำตาลทราย กินกับฝรั่งอร่อยมากๆ ลองทำตามดูนะ แล้วจะรู้ว่า พริกเกลือที่ขายตามร้านผลไม้ กับพริกเกลือสูตรนี้มันอร่อยต่างกันยังไง

สูตรและภาพ BY http://thaifoodrecipesmake.blogspot.com/
Share:

วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ให้สูตรข้าวผัดปู เมนูจานด่วนไปผัดกัน ทำกินง่าย

ให้สูตรข้าวผัดปู เมนูจานด่วน

ลูกสาวอากกินข้าวผัดปู วันนี้คุณแม่เลยหาเครื่องข้าวผัดปูจากตลาดสดข้างบ้าน ก็ได้เครื่องมาครบแบบจัดเต็ม ใส่ปูเยอะมากๆ แบบไม่หวงเครื่อง เมื่อผัดออกมาผลที่ได้ไม่พอกินต้องผัดเพิ่ม สูตรข้าวผัดปูใครได้กินได้ชิมชมอร่อยทุกราย

ข้าวผัดปู
ข้าวผัดปู


ส่วนผสมและเครื่องปรุง

  • คะน้าฮ่องกง หรือคะน้าอะไรก็ได้ 
  • หอมใหญ่
  • แครอท
  • ไข่ไก่
  • เนื้อปูแกะแล้ว
  • น้ำปลา   1    ช้อนแกง
  • น้ำตาลทราย      2      ช้อนชา
  • ซ็อสเห็ดหอม    2       ช้อนชา
  • น้ำมันหอย         2       ช้อนชา
  • ผงปรุง               1       ช้อนชา
  • ข้าวสวย             3       ก้อน
  • กระเทียม           5        กลีบ
  • น้ำมันพืช           2        ช้อนชา



วิธีทำ

เตรียมผักต่างๆ ล้างเสร็จแล้ว ก็นำมาหั่นตามรูป คะน้าหั่นเฉียง หอมใหญ่ซอย แครอทใช้มีขุดเป็นเส้น
ผักต่างๆ ข้าวผัดปู
ผักต่างๆ ข้าวผัดปู แครอท หอมใหญ่ซอย คะน้ายอด

บุบกระเทียมลงกะทะ ใส่น้ำมันพืช ผัดให้หอม
กระเทียม
กระเทียม
เตรียมเนื้อปู ใส่มากได้ตามต้องการ ถ้าไปซื้อไปสั่งตามร้านอาหารตามสั่งจะได้น้อย แต่ทำเองผัดเองจัดเต็ม

เนื้อปูแกะ
เนื้อปูแกะ สดจากตลาดสด

ตอกไข่ไก่ลงในเนื้อปู ข้าวผัดปูสูตรนี้ไม่ลับ เพื่อให้ไข่ไก่ซึมเข้าเนื้อปู จะทำให้รสชาติอร่อย อย่าบอกใคร
ไข่ไก่ ผสมกับเนื้อปู
ไข่ไก่ ผสมกับเนื้อปู
 ตั้งไฟกะทะร้อน เจียวกระเทียม ตามด้วยไข่ไก่และเนื้อปูที่เตรียมไว้ ทำการผัดให้เข้ากัน

ข้าวผัดปู
ข้าวผัดปู

 ใส่ข้าวเปล่าลงไป ทำการคลุกเคล้าให้เป็นเนื้อเดียวกัน ไข่ไข่เริ่มเหลือง

ข้าวผัดปู
ข้าวผัดปู

 ใส่ผักที่เตรียมไว้ แครอท และหอมซอย จากนั้นก็ผัดๆ ให้เข้ากัน แล้วตามด้วยเครื่องปรุง น้ำมันหอย น้ำตาล น้ำปลา ผงปรุงรส ซ็อสเห็ดหอม จากนั้นก็คลุดเคล้า

ข้าวผัดปู
ข้าวผัดปู

จากนั้นใส่คะน้าเป็นขั้นตอนสุดท้าย ผัดจนข้าวผัดปูหอม ชิม ขาดรสใดก็เติมรสนั้น
ข้าวผัดปู
ข้าวผัดปู

 เสร็จขั้นตอนข้าวผัดปู ผัดแบบไม่มีเคล็ดลับ พร้อมกิน

สูตร  http://thaifoodrecipesmake.blogspot.com/


Share:

วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เมนูอาหารเช้า โจ๊กหมู อาหารย่อยง่ายอันดับต้นๆ ยอดฮิต

เมนูอาหารเช้า โจ๊กหมู อาหารย่อยง่ายอันดับต้นๆ ยอดฮิต

เมนูอาหารเช้าที่ขาดไม่ได้และนิยมทานอาหารเช้าเป็นอันดับต้นๆ คือ โจ๊กหมู นั่นเองถ้าได้ร้านทำอร่อยลูกค้าเยอะ ถึงจะจ่ายแพงหน่อยก็ยอมซื้อยอมเข้าแถวรอ แน่นอนต้องใช้วัตถุที่ดีในการทำโจ๊ก เช่น น้ำซุ๊ปที่ทำจากกระดูกซี่โครหมู(เล้ง) ต้องให้รสชาติที่กลมกล่อมลงตัวก็อร่อยเกิน 70% แล้ว ที่เหลือก็เป็นเครื่องเคียง วันนี้ admin ไปหาอาหารเช้ากิน ก็มาลงตัวที่โจ๊กหมูนี่หล่ะ สั่งโจ๊กหมูใส่ทุกอย่าง ใส่ไข่ตุ๋น และอีกชามเป็นโจ๊กหมูใส่ไข่เยี่ยวม้า
เมนูอาหารเช้า โจ๊กหมู
เมนูอาหารเช้า โจ๊กหมู
โจ๊กหมูพร้อมเครื่องมากมาย ต้นหอมซอยโรยหน้า น่าทานมาก ที่ร้ายโจ๊กอร่อย ซอยเมนฮัตตั้น เคหะคลองหลวง



Advertisment


เครื่องปรุง โจ๊กหมู
เครื่องปรุง โจ๊กหมู

เมนูอาหารเช้า โจ๊กหมู
เมนูอาหารเช้า โจ๊กหมู กับ น้ำซุ๊ป

ร้านขายโจ๊กหมู
ร้านขายโจ๊กหมู มีให้เลือกหลายเมนู

สั่งมาแล้วก็ถ่ายรูปเอามาลงซ่ะหน่อย ก่อนจะกิน เครื่องครบเมนูอาหารเช้า โจ๊กหมู หมูบด เห็ดหอม เครื่องใน ใส้อ่อน ตับหมู และที่ขาดไม่ได้สำหรับโจ๊กหมู คือ ขิงซอย ชอบมากๆ แต่ที่พิเศษร้านโจ๊กหมูร้านนี้คือ มีน้ำซุ๊ปกระดูกหมู หรือเล้งมาให้ชิมด้วย

การกินโจ๊กต้องปรุงด้วยนะ ถึงจะอร่อย เครื่องปรุง ซอสเห็ดหอม พริกป่นคั่ว พริกไทป่น และพริกน้ำส้ม กล่าวถึงพริกน้ำส้มต้องเป็นพริกใหญ่ คือตอนกินโจ๊กต้องกินพริกน้ำส้มไปด้วย เวลาเคี้ยวพริกยะให้ความรู้สึกถึงความมันของพริกกับโจ๊กหมูได้เป็นอย่างดี พร้อมกับรสชาติของขิงซอยที่เป็นเอกลักษณ์


เล็กๆ น้อยจากโดจ๊กหมู ที่มา https://www.doctor.or.th
โจ๊กหมู 1 ชามประมาณ 255 กรัม จะให้พลังงานใกล้เคียงกัน ทั้งโปรตีน คาร์ไบไฮเดรตและไขมัน

คุณค่าโภชนาการข้าวต้มหมู 1 ชาม หรือโจ๊กหมู เรากินข้าวต้มหมู 1 ชาม เป็นอาหารเช้า ให้พลังงาน 307 กิโลแคลอรี เป็นอาหารที่ให้พลังงานไม่มากนัก ไม่ถึง 1 ใน 3 ของความต้องการพลังงานใน 1 วัน/มื้อ

เมื่อกินข้าวต้มหมู 1 ชาม เราจะได้คาร์โบไฮเดรตจากข้าว ได้โปรตีนและไขมันจากหมูติดมันเล็กน้อยจากพลังงานของอาหารที่ได้รับ 1 มื้อต่อวัน เพื่อให้ได้คุณค่าทางโภชนาการเหมาะสมยิ่งขึ้น

ควรเพิ่มน้ำผลไม้ 1 แก้ว (น้ำผลไม้ไม่ควรเติมน้ำตาล) ให้พลังงาน 123 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรต 29 กรัม ไขมัน 0.2 กรัม โปรตีน 1.3 กรัม ในน้ำส้ม นอกจากจะให้พลังงานแล้ว ยังมีวิตามินซีสูง และช่วยระบบขับถ่ายได้ดีด้วย

ข้าวต้มหรือโจ๊กหมู 1 ชาม และน้ำส้ม 1 แก้ว จะให้พลังงานใกล้เคียงกับความต้องการของร่างกายใน 1 มื้อ อาจเพิ่มอาหารว่างได้อีกเล็กน้อย เช่น ฝรั่ง 1 ผลเล็ก

เมนูแนนำ เมนูอาหารเช้า โจ๊กหมู ใครผ่านไปผ่านมา ก็แวะไปได้ที่อยู่หน้าร้านทอง ชื่อร้าน โจ๊กอร่อย อยู่ ที่เคหะคลองหลวง ซอยแมนฮัตตั้น เยื่องนวนคร มีให้เลือกหลายเมนู รับรองอร่อย ราคาไม่แพง 35 บาท น้ำดื่มฟรี


Advertisment

รูปและเรื่องโดย http://thaifoodrecipesmake.blogspot.com/

Share:

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก

Recent Posts

Recent Posts Widget

ผู้สนับสนุน