อาหารทำเอง, อาหารง่ายๆ, สูตรข้าวแกง, สูตรอาหาร อร่อยๆ, อาหารไทย, วิธีทำอาหาร อาหารไทยง่ายๆ





วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ผัดหน่อไม้รวมทานกันเถอะ อร่อยครบรส

ผัดหน่อไม้รวมทานกันเถอะ อร่อยครบรส

เมนูอาหารไทยตามสั่งอีกอย่างสำหรับคนชอบทานหน่อไม้ดอง คือ ผัดหน่อไม้รวม ไก่ กุ้ง หมึก วิธีทำไม่ยาก ก็คล้ายผัดกะเพรา แต่พิเศษตรงหน่อไม้ รสชาติจะออกซ่าหน่อไม้ดอง ไม่รอช้าความอร่อยตามดูวิธีทำได้เลย

เครื่องปรุง

น้ำปลา 2 ช้อนแกง, น้ำตาล 1 ช้อนชา, น้ำมันหอย 2 ช้อนแกง, พริกและกระเทียม ตามชอบ, ปลาหมึก-กุ้ง-เนื้อไก่ ทั้งหมด ตามชอบ, หน่อไม้ 5 ขีด , ใบกะเพรา 2 ขีด, พริกแดง เขียวใหญ่

วิธีทำ

ล้างหน่อไม้ดอง 3 น้ำและนำมาซอย พักไว้ก่อน นำปลาหมึก หั่นเป็นชิ้น หั่นไก่เป็นชิ้น แกะเปลือกกุ้งเอาเส้นดำออก พักไว้  ตำพริกและกระเทียมพอแหลกจากนั้นนำไปเจียวให้หอม ตามด้วย กุ้ง ไก้ กุ้ง ใส่ลงกระทะ ผัดไฟแรงๆ จากนั้น ก็ตามด้วยเครื่องปรุง น้ำปลา น้ำตาล น้ำมันหอย ผัดให้สุก ตามด้วยน้ำเปล่าพอขลุกขลิก จากนั้น ตามด้วย พริกแดงและเขียวหั่น และตามด้วยใบกะเพรา ผัดให้หอม เสร็จตักราดข้าว หรือใส่จาน

ดูตามรูป ผัดหน่อไม้รวม ได้เลย


ผัดหน่อไม้รวมทานกันเถอะ อร่อยครบรส
หน้าตา ผัดหน่อไม้รวมทานกันเถอะ อร่อยครบรส


เตรียม ไก่ กุ้ง หมึก
เตรียม ไก่ กุ้ง หมึก
หั่นหน่อไม้ดอง
หั่นหน่อไม้ดอง พอดีคำ
  

พริกแดง เขียวหั่น
พริกแดง เขียวหั่น

ผัด พริกและกระเทียม
ผัด พริกและกระเทียม ให้หอม



ใส่ ไก่ กุ้ง หมึก
ใส่ ไก่ กุ้ง หมึก ผัดให้สุก เติมเครื่องปรุง น้ำปลา น้ำตาล น้ำมันหอย


เติมน้ำพอขลุกขลิก
เติมน้ำพอขลุกขลิก






สุดท้าย ใส่ใบกะพเราลงไป
สุดท้าย ใส่ใบกะพเราลงไป


ผัดหน่อไม้รวมทานกันเถอะ อร่อยครบรส
หน้าตา ผัดหน่อไม้รวมทานกันเถอะ อร่อยครบรส

ผัดหน่อไม้รวมทานกันเถอะ อร่อยครบรส ทานกับข้าวสวยร้อนๆ รสชาติจะออกเผ็ดร้อน ซ่า นิดหน่อย แต่รับรองว่าใครที่ทำทานเอง รับรองเป็นต้องเพิ่มข้าวอีกซัก 2 จาน

Share:

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ประโยชน์และสรรพคุณของมะนาวที่ถูกมองข้าม

ประโยชน์และสรรพคุณของมะนาวที่ถูกมองข้าม

มะนาวกินกันทุกวัน แต่จะมีกี่คนมากน้อยที่รู้จักประโยชน์และสรรพคุณของมะนาว บางครั้งอาจจะมองข้ามว่ามะนาวมีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก เรามาทำความรู้จักมะนาวให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้ทานมะนาวอย่างมั่นใจ เพราะเราได้ทราบรู้ว่ามะนาวที่ทานมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย มีอะไรบ้าง


มะนาวมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า : Citrus aurantifolia (Christm.)  Swingle
ชื่อสามัญ :   Common lime
วงศ์ :   Rutaceae
ชื่ออื่น :  ส้มมะนาว มะลิว (ภาคเหนือ)

มะนาว
Image:gourmetsleuth.com
ลักษณะ: มะนาวเป็นไม้พุ่ม สูง 2-4 เมตร กิ่งอ่อนมีหนามแหลม เปลือกต้นเรียบ สีน้ำตาลปนเทา ใบ เป็นใบประกอบ ออกเรียงสลับ มีใบสีเขียวเข้ม และใบย่อยใบเดียว ลักษณะใบเป็นรูปไข่หรือรูปรียาว กว้าง 3-5 ซม. ยาว4-8 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบมนมีปีกแคบๆ ขอบใบหยัก แผ่นใบมีต่อมน้ำมันกระจายอยู่ตามผิวใบ ออกดอกเป็นช่อสั้นประมาณ 5-7 ดอก หรือออกดอกเดี่ยวตามซอกใบ ที่ปลายกิ่ง ดอกสีขาว กลีบดอกมี 4-5 กลีบ หลุดร่วงง่าย ผล เป็นรูปทรงกลม ผิวเรียบเกลี้ยง มีน้ำมันตามผิว ผลอ่อนสีเขียวเข้ม พอแก่เป็นสีเหลือง ข้างในแบ่งเป็นห้องแบบรัศมี มีรสเปรี้ยว เมล็ดกลมรี มีรสขม สีขาว

สารอาหารในมะนาวมีอะไรบ้าง

ในมะนาว 100 กรัมให้พลังงาน 10 กิโลแคลอรี มีสารอาหารมากมาย มีวิตามินซีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย ช่วยให้ร่างกายสังเคราห์คอลลาเจนได้มากขึ้น มะนาวมีวิตามินบี 1, 2 และ 3 จะทำหน้าที่สร้างพลังงานให้แก่ร่างกาย ช่วยบำรุงสมอง บำรุงกล้ามเนื้อ มีโฟเลต ทำหน้าที่สร้างสร้างผนังเส้นประสาท ที่ช่วยให้เส้นประสาทแข็งแรง

มีแคลเซียมและฟอสฟอรัส ทำหน้าที่สร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
มีโพแทสเซียม ช่วยให้เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายมีพลังงานใช้อย่างเพียงพอ
มีเส้นใยอาหารและวิตามินซี ช่วยให้ปรับสมดุลในระบบขับถ่ายของร่างกาย ส่งผลลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งลำไส้

มีสาร ลิโมนิน และ ลิโมนอยด์ สารทั้ง 2 อย่างเป็นสารที่ทำให้มะนาวมีรสขม

พลังมหัศจรรย์ของมะนาว

เปรียบเทียบวิตามินซีเป็นยาอายุวัฒนะ แน่นอน มะนาวอุดมไปด้วยวิตามินซี ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย ให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อต่อสู้กับโรคต่างๆ ในร่างกายเรา ภูมิคุ้มกันนี้ยังต่อสู้กับเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว ที่สามารถกัดกินเซลล์มะเร็งได้
พลังของวิตามินซี ยังช่วยสังเคราะห์คอลลาเจน ทำให้ผิวหนังไม่เหี่ยว คลอลาเจนช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ผิวหนังถูกทำลายได้ง่าย

มะนาวกับต้านมะเร็ง

สาร 2 อย่างในมะนาว คือ "ลิโมนิน" และ "ลิโมนอยด์" จะทำงานเกี่ยวเนื่องกัน เมื่อพบว่ามีเซลล์มะเร็งก่อตัวขึ้น สารลิโมนินจะช่วยยับยั้งการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง ทำให้เซลล์มะเร็งขยายตัวช้า
ส่วนสารลิโมนอยด์ ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเซลล์มะเร็งในร่างกาย นอกจากนี้สารทั้ง 2 ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย

ผลจากการดื่มน้ำมะนาว

การดื่มน้ำมะนาวเป็นประจำเสมือนเป็นการช่วยให้ร่างกายมีตัวช่วยทำลายเซลล์มะเร็งเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ใครที่เป็นโรคหัวใจ ถ้าดื่มน้ำมะนาว ก็จะช่วยลดความเสี่ยง เนื่องจากสารลิโมนิน และลิโมนอยด์ จะช่วยลดคอลเลสเตอรอลที่สะสมอยู่ในเส้นเลือด

ประโยชน์ที่มะนาวถูกมองข้าม

ส่วนมากเราจะใช้ประโยชน์มะนาว จาก น้ำของมะนาวเท่านั้น เช่น บิบน้ำมะนาวใส่น้ำพริก, ยำก็ใช้น้ำมะนาว, น้ำมะนาวคั้นดื่มแก้กระหาย, น้ำมะนาวปั่น แต่ทราบหรือไม่ว่ามะนาวยังมีสารอื่นๆ อีกมากที่ถูกทิ้งและมองข้าม สารนั้นคือ "ลิโมนิน" และ "ลิโมนอยด์"  ซึ่งสารเหล่านี้ จะสะสมอยู่ที่เปลือก และ แกนกลางของมะนาว ดังนั้นการที่เราจะได้รับสารที่ถูกมองข้าม หรือถูกทิ้งก็มีวิธีการดังนี้





มะนาวแช่น้ำผึ้ง

เพื่อที่จะได้รับสาร "ลิโมนิน" และ "ลิโมนอยด์" ก็นำมะนาวมาแช่ ดองน้ำผึ้ง เป็นสูตรเด็ดที่นักกีฬาใช้กินหลังออกกำลังกาย ช่วยให้ชุ่มคอ ช่วยให้ร่างกายที่เหนื่อยล้ากลับมามีพลัง
ส่วนผสม: มะนาว, น้ำผึ้ง, เกลือ
วิธีทำ: ล้างมะนาวให้สะอาด แล้วหั่นตามขวางชิ้นบางๆ ทั้งลูก แล้วก็นำไปแช่ในขวดโหล ใส่น้ำผึ้ง ตามด้วยเกลือเล็กน้อย จากนั้นนำไปแช่เย็น ประมาณ 10 - 12 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำเชื่อมซึมเข้าเปลือก

วิธีทาน ให้กินตอนเช้า ก่อนออกจากบ้าน หรือกินหลังจากออกกำลังกาย ถ้าทำเก็บไว้กิน แนะนำว่าทำกินแค่ครั้งละ 2 - 3 วันเท่านั้น เพราะหากเก็บไว้นานสารอาหารหลายชนิดที่มีในมะนาวก็จะสลายตัวไป

อ่านบทความ ผักผลไม้อื่นที่เป็นประโยชน์
Share:

ขนมไทย สูตรและวิธีทำขนมฝักบัว ใบบัว

ขนมไทย สูตรและวิธีทำขนมฝักบัว ใบบัว




Advertisment



ขนมฝักบัว เป็น ขนมไทย ที่ยังคงได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน มีขายตามตลาดนัด ด้วยความหอม กรอบนอกขอบใบบัว นุ่มตรงกลาง เรียกว่าหวานกรอบ มัน เวลากัดชิมแล้วหนึบติดลิ้น ตามด้วยหวาน ยิ่งถ้าทอดเสร็จใหม่แล้วได้ลองแบบขอบใบบัวแบบกรอบๆ ก็จะอร่อยมาก


สูตรและวิธีทำขนมฝักบัว หรือขนมใบบัว

บทนำ ขนมฝักบัวมีลักษณะเป็นวงกลม สีเขียว(เกิดจากสีของใบเตย) เป็นการนำแป้ง แป้งข้าวเจ้า น้ำตาลปี๊บ หรือน้ำตาลมะพร้าวและกะทิ ผสมให้เข้ากัน สูตรเดิมแต่โบราณ ความข้นของแป้งขนาดนมข้น ปัจจุบันนี้จะมีส่วนผสมของแป้งข้าวเหนียว และจะเปลี่ยนจากน้ำตาลปี๊บเป็นน้ำตาลทราย ก็แล้วแต่สูตร บางก็ดัดแปลงใส่กล้วยหอม ใส่น้ำใบเตยแทนน้ำเปล่า ลักษณะที่ดีของขนมฝักบัว คือแป้งต้องนุ่ม ขอบขนมต้องกระดกขึ้นมาตรงกลางนูนและนุ่ม มีรสชาติหวาน และด้านล่างของขนมเป็นใยเหมือนสายบัว บริเวณรอบๆ กรอบ ขนมฝักบัวมักจะใช้ในพิธีแต่งงานโดยใส่ในขันหมากและจะชิ้นใหญ่ๆไม่ได้ทำเป็นชิ้นเล็กๆพอคำ หรืออย่างที่เราๆเห็นกัน ความหมายที่ทำให้ใหญ่และนำขนมฝักบัวใส่ในขันหมาก สันนิษฐานไว้ว่า หมายถึง ความเจริญเติบโตของบัวในสระ ที่เป็นไปอย่างง่ายๆและรวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้การดูแลมากมาย จากเหตุนี้เลยทำให้คิดกันไปว่าง่ายๆ และรวดเร็วนี่แหละจะเป็นจุดเด่นของการทำขนมฝักบัวมาในขันหมาก เพื่อหวังให้คู่สมรสเจริญรุ่งเรืองและรวดเร็วอย่างง่ายๆเช่นกัน

ส่วนผสมแป้งข้าวเจ้าสด 2 ถ้วยแป้งข้าวเหนียวสด ¼ ถ้วยน้ำตาลทราย ½ ถ้วยน้ำมัน 2 ถ้วยน้ำใบเตย ¼ ช้อนชาน้ำสะอาด ½ ถ้วยเกลือเล็กน้อย

วิธีทำ



Advertisment




1. เทแป้งทั้งสองชนิดกันรวมกัน ละลายน้ำตาล เกลือ และน้ำใบเตยในน้ำสะอาด เทลงในแป้ง คนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันจนเป็นครีมข้นเข้ากันดี ตั้งพักไว้จนแป้งขึ้น สังเกตจากฟองปุดทั่วผิวแป้ง
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ควรใช้กระทะก้นลึกใบเล็กๆ รอจนน้ำมันร้อน ตักแป้งหยอดลงในกระทะทอดทีละชิ้น คอยตักน้ำมันรดบนขนมให้ทั่วระหว่างทอด พอขอบขนมเริ่มสุกเหลืองกรอบจึงพลิกกลับอีกข้าง ทอดให้สุกทั่วดี ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน


ขอบคุณสูตรและรูปจาก http://www.m-culture.in.th/
Share:

Apple benefits แอปเปิ้ล สรรพคุณและประโยชน์ กินต้านโรคดีต่อสุขภาพ

Apple benefits แอปเปิ้ล สรรพคุณและประโยชน์ กินต้านโรคดีต่อสุขภาพ

แอปเปิ้ล เป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณและประโยชน์มากมากทางด้านสุขภาพและทางยา และยังเป็นผลไม้ที่นิยมทานเป็นอันดับต้นๆ ของโลกก็ว่าได้ แต่สรรพคุณและประโยชน์ที่เราทานไปเข้าไปในท้องแล้วมีอะไรบ้าง เรามาดูกัน แล้วเมื่ออ่านจบ คุณก็จะรีบไปซื้อแอปเปิ้ลมาทานทันทีเช่นกัน

แอปเปิ้ล Apple
แอปเปิ้ล Apple, CR:https://sites.psu.edu

ทานแอปเปิ้ลเป็นยาต้านมะเร็งกัน

ในแอปเปิ้ล 1 ขีดจะให้พลังงาน 40 กิโลแคลอรี ตามด้วยคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลฟลุ๊กโตส ที่ช่วยให้พลังงานแก่ร่างกาย ตามด้วยวิตามินซีที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ตามด้วยวิตามินอีที่ช่วยป้องกันสารอนุมูลอิสระเพื่อป้องกันโรคมะเร็ง

แอปเปิ้ลมากไปด้วยโพแทสเซียมที่สำคัญ เจ้าตัวนี้ช่วยให้ร่างกายรักษาสมดุลระบบของเหลวได้ดียิ่งขึ้น

แอปเปิ้ลยังมี แคลเซียม แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งจะช่วยให้กระดูกแข็งแรง และทำให้กระดูกแข็งแรง และเมื่อไขกระดูกแข็งแรง ไขกระดูกก็สามารถสร้างเม็ดเลือดขาวได้สูงขึ้น ซึ่งส่งผลดีกับภูมิคุ้มกันของร่างกายเพื่อต่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้ดียิ่งขึ้น

แอปเปิ้ลยังมีธาตุเหล็ก สรรพคุณเด่น คือ บำรุงเลือด เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหัวใจ
แอปเปิ้ล ยังมี ทองแดง ที่ช่วยให้ร่างกายในการปฏิกิริยาทางเคมีกับสรต่างๆ และช่วยเพิ่มการทำงานของคอลลาเจน

แอปเปิ้ล ยังเป็นแหล่งรวมของ วิตามินบีทุกชนิด ที่ช่วยเผาผลาญพลังงาน บำรุงกล้ามเนื้อ บำรุงระบบประสาท ทำให้ไม่เครียด

ประโยชน์ของแอปเปิ้ล 

Polish-apple
https://sites.psu.edu
สารต้านอนุมูลอิสระ แอปเปิ้ลมีไฟโตเค ที่มีชื่อว่า "เคอร์ซิทิน" ซึ่งจัดอยู่ในระดับต้นๆ ของไฟโตเคมีที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก รวมไปถึงกากใยอาหารที่ละลายในน้ำได้ มีคุณสมบัติลดระดับคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้มากเกินไป ที่สำคัญ เจ้า เคอร์ซิทินมีความสามารถในการต้านสารอนุมูลอิสระได้อีกด้วย ยังไม่พอ ยังมี "เบต้าแคโรทีน" จึงจัดเป็นไฟโตเคที่มีประโยชน์อย่างมาก



แอปเปิ้ลกับการต้านมะเร็ง แอปเปิ้ลเป็นยาต้านมะเร็งอันดับต้น เพราะมีไฟโตเคที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด สารเคอร์ซิทิน เป็นสุดยอดไฟโตเคมีคอลที่มีประโยชน์ ต่อร่างกายมหาศาล มีสารเบต้าเคโรทีน ช่วยในการต้านสารอนุมูลอิสระ และร่างกายยังสามารถนำไปสังเคราะห์เป็นวิตามินเอที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน

แอปเปิ้ลช่วยลดน้ำหนัก ผู้หญิงส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับแอปเปิ้ลที่จะช่วยลดน้ำหนัก ทั้งนี้เพราะแอปเปิ้ลให้แคลลอรีน้อยแต่ให้กากใยในปริมาณที่สูง ในแอปเปิ้ลมีกากใยอยู่ 2 ชนิด คือ ชนิดที่ละลายน้ำช่วยกำจัดคอลเลสเตอรอลในเส้นเลือด และ กากใยชนิดไม่ละลายน้ำจะช่วยระบบขับถ่าย

แอปเปิ้ลควบคุมโรคเบาหวาน ผู้เป็นเบาหวาน หมอจะจัดยาเพื่อใช้เพิ่มความสามารถของฮอ์โมนอินซูลินในการควบคุมน้ำตาลของร่างกาย และในตัวยาเหล่านั้นก็มักจะมีเกลือแร่ที่ชื่อว่า "โครเมียม" ผสมอยู่ และเกลือแร่ชนิดนี้มีน้อยในผักและผลไม้ แต่ใน ผล แอปเปิ้ลจะมีปริมาณของโครเมียม ซึ่งสามารถกินเป็นอาหารเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคเบาหวานได้




Advertisment



เกร็ดความรู้เกี่ยวกับแอปเปิ้ล

การเก็บรักษา สามารถเก็บไว้ได้นานหลายวันโดยไม่ต้องแช่ตู้เย็น การนำเอาแอปเปิ้ลไปแช่ตู้เย็นจะทำให้สารอาหารต่างๆ ถูกทำลายไปมาก โดยเฉพาะวิตามินซี และสารเบต้าเคโรทีน ดังนั้นถ้าจะแช่ก็แช่ทั้งลูกโดยไม่ต้องปอกเปลือก ถ้านำแอปเปิ้ลที่แช่เย็นมาปั่นไม่ควรใส่น้ำแข็ง ทั้งนี้เพราะวิตามินซีทนความเย็นได้ต่ำมาก





การแปรรูปแอปเปิ้ล มักนิยมทำเป็นไวน์ น้ำผลไม้

อ่านจนจบ แอปเปิ้ล มากสรรพคุณและประโยชน์ กินต้านโรคดีต่อสุขภาพ ใครที่เห็นว่ามีประโยชน์ ก็ไปหาซื้อแอปเปิ้ลมากินกัน ถ้าให้ดีก็กินทั้งเปลือก ถ้าปั่น ก็ไม่ต้องใส่น้ำแข็ง ถ้าแช่ตู้เย็นก็ไม่ต้องปอกเปลือก

ค้นหาบทความที่เป็นประโยชน์และสรรพคุณต่อร่างกาย

Share:

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

จับคู่อาหารเช้า กาแฟสดกับกล้วยปิ้ง อร่อยแบบขนมไทย

จับคู่อาหารเช้า กาแฟสดกับกล้วยปิ้ง อร่อยแบบขนมไทย

เมนูอาหารเช้าตามฉบับ Aerk ก็นำเอาความเป็นขนมไทย กล้วยปิ้งกับกาแฟสดมาทานดื่มคู่กัน Aerk ฝันไว้ว่าถ้าวันหนึ่งได้เปิดร้านกาแฟ ก็จะนำเอากล้วยปิ้งเข้ามาเป็นสมาชิกในร้านกาแฟด้วย คือฉีกแนว จากที่ร้านกาแฟอื่นขายขนมปัง เราก็ดัดแปลงเป็นกินทานกาแฟคู่กับกล้วยปิ้ง อาจจะมี น้ำราดรสชาเขียวกล้วยปิ้ง

ไม่พูดมากดีกว่า ดูรูปเลย

กล้วยปิ้ง
กล้วยปิ้งร้อนๆ

อาหารเช้า กาแฟสดกับกล้วยปิ้ง
อาหารเช้า กาแฟสดกับกล้วยปิ้ง

อาหารเช้า กาแฟสดกับกล้วยปิ้งเป็นแบบฉบับของ Aerk ใครสนใจก็ลองดู ไม่หวง เพราะเป็นอาหารขนมไทยเรา
Share:

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

กล้วยน้ำว้าทำยังไงให้สุกงอมช้า มีเคล็ดมาบอก มีภาพ

กล้วยน้ำว้าทำยังไงให้สุกงอมช้า มีเคล็ดมาบอก มีภาพ

ปกติขายกล้วยปิ้งถ้ากล้วยเหลือก็จะสุกงอมปิ้งไม่ได้เลย ก็หาวิธีการให้กล้วยสุกช้า คือยืดอายุของกล้วย ก็ลองอยู่ สอง สาม วิธีแต่วิธีสุดท้ายได้ผล ไม่ต้องใช้ยาอะไรทั้งสิ้น คือวิธีนี้สามารถยึดอายุไม่ให้กล้วยสุกออกไปอีกได้ 2 วันเลยทีเดียว

วิธีการก็ไม่มีอะไรมาก คือ นำกล้วยทั้งหวีห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ แล้วนำไปแช่ตู้เย็น สมมุตินะครับ นำกล้วยแช่ตู้เย็นตอนเย็น ตอนเช้าก็นำมาปิ้งได้เลย โดยการนำมาปิ้งอย่างพอเพียง ที่เหลือก็แช่ไว้ต่อ เมื่อปิ้งหมด ก็ค่อยเอาออกมาปิ้ง

จากการทดลอง กล้วยสามารถอยู่ในตู้เย็นได้เป็นเวลาประมาณ 2 วัน ยังไงก็ดูรูป

ลักษณะกล้วยก่อนที่จะเข้าตู้เย็น
ลักษณะกล้วยก่อนที่จะเข้าตู้เย็น

ห่อยึดอายุกล้วยเข้าตู้เย็น
ห่อยึดอายุกล้วยเข้าตู้เย็น


หลังจากแช่กล้วยไว้ในตู้เย็น 1 คืน
หลังจากแช่กล้วยไว้ในตู้เย็น 1 คืน
หลังจากแช่กล้วยไว้ในตู้เย็น 1 คืน สังเกตุดู ถ้ากล้วยสุก ตอนฉีกเปลือกจะไม่ขาดล่อน แต่จากรูปด้านบนจะเห็นว่าตอนปอกเปลือกกล้วยจะปอกไม่หมดทีเดียว แสดงว่ากล้วยยังไม่สุกงอม


นำกล้วยไปปิ้ง
นำกล้วยไปปิ้ง
กล้วยหลังจากห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ 1 คืนแล้วนำไปปิ้ง จะเห็นว่ากล้วยไม่เยื้ม คือ ถ้ากล้วยสุกงอมมากกว่านี้เวลาปิ้งก็จะมีน้ำตาลออก ตอนปิ้งกล้วยจะไหม้ก่อนที่จะสุก

ค้นเจอการวิธีการ "กล้วยน้ำว้าทำยังไงให้สุกงอมช้า" ก็ลองทำดู อย่างน้อยก็ยืดอายุของกล้วยไม่ให้สุกงอมได้ 1 วัน

สูตรน้ำราดกล้วยปิ้ง

ติดตามเรื่องเกี่ยวกับอาหารไทยได้ตลอด เมนูอาหาร สูตรอาหารไทย By Aerk
Share:

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ดัดแปลง น้ำจิ้มราดกล้วยปิ้งกินกับขนมปังปิ้ง อร่อยมากๆ เข้ากันได้ดี

ดัดแปลง น้ำจิ้มราดกล้วยปิ้งกินกับขนมปังปิ้ง อร่อยมากๆ เข้ากันได้ดี

หลังจากได้แจกฟรี น้ำจิ้มราดกล้วยปิ้งไปแล้ว คราวนี้ก็นำมาดัดแปลงกับขนมปังปิ้ง คือ นำมาราดกับขนมปังปิ้ง หรือจะกินกับขนมปังเปล่าๆ ก็ได้ ความรู้สึกคล้ายกับแยม(Jam)

แยมไทยๆ แยมน้ำราดกล้วยปิ้งธรรมดาซะที่ใหน ขนมปังก็ซื้อเป็นปอนด์ ก็ได้ หรือจะซื้อที่ร้าน 711 ก็ได้ ซื้อแบบ original แล้วนำมาปิ้งด้วยเตาปิ้งไฟฟ้า หรือเตาปิ้งแก๊ส หรือจะเป็นอบไมโครเวฟ ก็ได้

เมื่ออบหรือปิ้งหอมได้ที่ ก็นำน้ำจิ้มราดกล้วยปิ้งราดลงขนมปัง และทานได้เลย

สูตรน้ำจิ้มราดกล้วยปิ้ง

ขนมปังปิ้ง และ น้ำจิ้มราดกล้วยปิ้ง
ขนมปังปิ้ง และ น้ำจิ้มราดกล้วยปิ้ง

น้ำจิ้มราดกล้วยปิ้งกินกับขนมปังปิ้ง
น้ำจิ้มราดกล้วยปิ้งกินกับขนมปังปิ้ง

Share:

ขนมไทยโบราณ ข้าวเม่า ข้าวเม่าคลุก ข้าวเม่าทอด วัฒนธรรมการกิน

ขนมไทยโบราณ ข้าวเม่า ข้าวเม่าคลุก ข้าวเม่าทอด วัฒนธรรมการกิน ยังหากินได้

ยังจำความได้สมัยเด็กนั่งคั่วข้าวเพื่อตำข้าวเม่า ใช้ก้านกล้วยกวนไปมาจนข้าวแตกเสียงดังเปี๊ยะๆ แล้วก็ใส่ครกตำข้าว ใช้แรงงาน 3 คน สลับกันตำ การตำข้าวเม่าแต่ละคนต้องรู้จังหวะให้ดี ไม่งั้นสากตำชนกันแน่นอน

ข้าวเม่าคลุก
ข้าวเม่าคลุก ใส่มะพร้าว และน้ำตาลทราย
เมื่อตำแล้วก็จะได้ข้าวเม่าสีเขียว ก็กินได้แล้ว แต่ยังไม่พอบางท่านก็ขูดมะพร้าวอ่อนใส่คลุกเคล้า และก็ตามด้วยน้ำตาล

ที่เล่ามา คือ สมัยยังเป็นเด็กที่บ้านปลูกข้าวไร่ ข้าวเม่า คืออาหารที่วิเศษสุดแล้วครับ แต่ที่จะนำเสนอคือ วัฒนธรรมการกิน ข้าวเม่าขนมของไทยเรา ว่ามาได้อย่างไร

ครก ไว้ตำข้าวเม่า
ครก ไว้ตำข้าวเม่า

ข้าวเม่า คือ ข้าวที่ถูกตีหรือทุบจนเมล็ดข้าวแบน ทำมาจากเมล็ดข้าวที่ไม่อ่อนและยังไม่แก่จนเกินไป สามารถทำได้ทั้งข้าวเจ้า ข้าวเหนียวและข้าวเหนียวดำ แต่ที่นิยมคือข้าวเหนียว ข้าวเม่ามีหลายชนิด เช่น ข้าวเม่าอ่อนซึ่งทำมาจากข้าวห่ามที่เปลือกเป็นสีเขียวเข้ม และข้าวเม่าขาวนวล ทำมาจากข้าวเกือบแก่ เปลือกเขียวอมน้ำตาล เยื่อหุ้มเมล็ดข้าวสีน้ำตาล

ข้าวเม่ามีให้กินได้ทุกภาคของไทย ทั้งนี้เพราะแทบทุกภาคมีการปลูกข้าว ทำนาข้าว ปลูกข้าวไร่

ข้าวเม่า ได้มาจากรวงข้าวสีเขียวไล่มาจนถึงสีเขียวตกน้ำตาล การบริโภคข้าวเม่าพบในทุกประเทศที่ปลูกข้าว ตั้งแต่ไทยลาว กัมพูชา เวียดนาม พม่า ภูฏาน อินเดีย ทิเบต ในภูฏานใช้เป็นอาหารว่างกินกับน้ำชา [1] ในไทยเป็นขนมที่นิยมกินมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในอดีตตอนหน้าน้ำจะมีแม่ค้านำขนมใส่เรือมาขาย และขนมกลุ่มนั้นมีข้าวเม่าทอดอยู่ด้วย มีกล่าวถึงข้าวเม่าในนิราศน้ำท่วมใหญ่ พ.ศ. 2460 ว่า

พวกแม่ค้ามาขายข้าวเม่าทอด แตงเมหลอดน้ำยาแกงปลาไหล
มีเพลงกล่อมเด็กกล่าวถึงข้าวเม่าว่า

โอ้ละเห่เอย หัวล้านนอนเปล ลักข้าวเม่าเขากิน
เขาจับตัวได้ เอาหัวไถลไถดิน หัวล้านมักกิน ตกสะพานลอยไป

วิธีทำข้าวเม่าแบบโบราณ

1) นำเมล็ดข้าวมาคั่วไฟ จนเมล็ดข้าวเริ่มแตก
2) จากนั้นนำมาตำ เพื่อกะเทาะเปลือกออกจากเมล็ด เมื่อตำแล้วจะได้เมล็ดข้าวที่มีลักษณะแบนๆ
3) นำมาใส่กระด้ง ทำการฝัดเพื่อแยกเปลือกออกจากข้าวเม่า
4) จะได้ข้าวเม่าที่สามารถรับประทานได้เลย ซึ่งโดยทั่วไปที่กินทานกัน คือ คลุกเคล้ากับมะพร้าวและน้ำตาล หรืออีกแบบ คือ นำข้าวเม่าที่ตำแล้วนำไปคั่วในกระทะให้สุกและกรอบ หรือเรียกอีกอย่างว่า "ราง" ก็มีรสชาติและความหอมอีกรูปแบบหนึ่ง

ข้าวเม่าทำเป็นขนมได้หลายแบบ

  • ใส่เป็นส่วนผสมในกระยาสารท
  • ข้าวเม่าบด ใช้ข้าวเม่าใหม่คั่วให้หอมแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง หยดหัวกะทิลงบนข้าวเม่าที่กรองไว้ กะทิจะผสมข้าวเม่าเป็นก้อน แล้วนำมากลิ้งไปมาบนฝ่ามือให้เป็นก้อนเหมือนไข่จะละเม็ด
  • ข้าวเม่าราง คือข้าวเม่าที่นำมาคั่วจนพองแล้วกินกับน้ำกะทิ
  • ข้าวเม่าหมี่ เป็นข้าวเม่ารางแบบแห้ง คือใส่กุ้งแห้ง เต้าหู้ทอด ถั่วลิสง หรือใส่น้ำตาลทรายถ้าเป็นแบบหวาน
  • ข้าวเม่าทอด เป็นข้าวเม่ากวนกับน้ำตาลผสมกับแป้งพอกกล้วยไข่ทั้งลูกแล้วทอด บางท้องถิ่นเรียกกล้วยข้าวเม่า

วัฒนธรรมการกิน
ไทยเรามักกินข้าวเม่า เป็นอาหารว่าง เช่น ตำข้าวเม่าระหว่างรวงข้าวกำลังเขียวอ่อน สวย หอมกลิ่นข้าว

สารอาหารที่ได้จากข้าวเม่า

คุณค่าของข้าวเม่ามีมากมาย เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ไนอาซิน ธาตุเหล็ก แคลเซียม




ข้าวเม่าประโยชน์ต่อร่างกาย

บำรุงเลือด ป้องกันมะเร็งลำไส้ แก้โรคเหน็บชา ป้องกันโรคปากนกกระจอก เป็นต้น

ข้อมูลอ้างอิง https://th.wikipedia.org/
Share:

สารอาหารในไข่ปลามีอะไรบ้าง Nutrition Of Roe

สารอาหารในไข่ปลามีอะไรบ้าง

Topic: สารอาหารในไข่ปลามีอะไรบ้าง, ไข่ปลา(Roe) ไข่ปลา เมื่อแก่เต็มที่ ก็จะออกลูกเป็นฝูงและ เรามักนิยมนำไข่ปลามาทำอาหาร ก่อนที่จะวางไข่ เช่น ไข่ปลาส้ม แกงส้มไขปลา ไข่ปลาทอด ส่วนประกอบของอาหารญี่ปุ่น หรือ ซูชิ เป็นต้น ไข่ปลา มีแคลอรี 204 เมื่อเทียบน้ำหนัก 100 กรัม เป็นข้อมูลอ้างอิงจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Roe

ไข่ปลา แซลม่อน
ไข่ปลา แซลม่อน (Salmon Roe)

Nutrition Facts

Amount Per 100 grams
Calories 204
                                                           % Daily Value*
Total Fat 8 g                                      12%
Saturated fat 1.9 g                                9%
Polyunsaturated fat 3.4 g
Monounsaturated fat 2.1 g
Cholesterol 479 mg                              159%
Sodium 117 mg                               4%
Potassium 283 mg                               8%
Total Carbohydrate 1.9 g               0%
Dietary fiber 0 g                               0%
Protein 29 g                                       58%
Vitamin A 6% Vitamin C        27%
Calcium 2% Iron                               4%
Vitamin D 0% Vitamin B-6        10%
Vitamin B-12 191% Magnesium 6%

*Per cent Daily Values are based on a 2,000 calorie diet. Your daily values may be higher or lower depending on your calorie needs.

ตัวอย่างภาพอาหารจากไข่ปลา

ภาพอาหารจากไข่ปลา Prawns skagen topped with cold-smoked salmon roe, on bread
Prawns skagen topped with cold-smoked salmon roe, on bread
Ikuradon, a bowl of rice topped with salmon roe
Ikuradon, a bowl of rice topped with salmon roe
Taramosalata, salad made with tarama
Taramosalata, salad made withtarama

ขอบคุณข้อมูลดีๆ และรูป จาก https://en.wikipedia.org


Share:

วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

อร่อยแบบไทยๆ มื้อเที่ยง คั่วไข่ปลาส้ม กับพริกสด

อร่อยแบบไทยๆ มื้อเที่ยง คั่วไข่ปลาส้ม กับพริกสด

เมนูอาหาร สูตรอาหาร By Aerk นำเสนออาหารใหม่ มื้อเที่ยง คั่วไข่ปลาส้ม กินกับพริกสด และข้าวเหนียว ก็เป็นแม่บ้านคั่วให้กิน เป็นอาหารไทยที่ทำง่ายมาก ขอให้มีไข่ปลาส้ม ใครชอบรสเปรี้ยวก็โดนเลย กินกับพริกสดนะ

วัตถุดิบและเครื่องปรุง

ไข่ปลาส้ม 1 ถุง (ร้านขายจะขายเป็นถุง), ไข่ไก่ 3 ฟอง, ต้นหอมผักชี,น้ำปลา,น้ำมันทอด เท่านี้ละเครื่องปรุง

วิธีปรุง

ต้นหอมผักชีล้างน้ำ แล้วนำไปซอย ใส่ถ้วย ตามด้วยไข่ปลาส้ม จากนั้นตอกไข่ไก่ลงไป คนทั้งหมดให้เข้ากัน

ตั้งไฟกะทะร้อนเทน้ำมันลงไป รอน้ำมันเดือด แล้วใส่ไข่ปลาส้มลงไปผัดเลย ทำการคั่วจนสุก แล้วเตรียมเสริฟ กินได้เลย จะกินกับพริกสด กับข้าวเหนียว หรือข้าวเจ้าก็อร่อย ถ้ามีผักด้วยยิ่งดี

ไข่ปลาส้ม
ไข่ปลาส้ม, หอม ผักชี ซอย

ใส่ไข่ คนไข่ปลาส้ม
ใส่ไข่ คนไข่ปลาส้ม



กำลัง คั่วไข่ปลาส้ม
กำลัง คั่วไข่ปลาส้ม

เสร็จแล้ว เมนูอาหาร คั่วไข่ปลาส้ม
เสร็จแล้ว เมนูอาหาร คั่วไข่ปลาส้ม

กินกับแจ่วพริก
แถม กินกับแจ่วพริก
อร่อยแบบไทยๆ คั่วไข่ปลาส้ม กับพริกสด ลองทำดู จะนำไปกินตามป่าตามเขาก็ได้ ตามนาก็ได้ อย่าลืมนำข้าวเหนียว หรือข้าวสวยไปด้วย และที่สำคัญน้ำเปล่า เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้

เรื่องและภาพโดย Aerk
Share:

ขนมไทย แจกสูตรน้ำจิ้มราดกล้วยปิ้ง ขายกล้วยปิ้ง อาชีพเสริม อาหารเช้า

ขนมไทย แจกสูตรน้ำราดจิ้มกล้วยปิ้ง ขายกล้วยปิ้ง อาชีพเสริม

ขนมไทย วันนี้แจกสูตรน้ำจิ้มราดกล้วยปิ้ง ไว้ขายกล้วยปิ้ง สร้างรายได้ หรือเหมาะเป็นอาหารเช้าก็ได้ สูตรนี้ทำขายอยู่ ส่วนจะขายดีก็ต้องอยู่ที่ทำเลคนสัญจรไปมา สูตรน้ำจิ้มกล้วยปิ้งมีอยู่มาก ก็แล้วแต่ว่าใครจะดัดแปลงอย่างไร เพิ่มความแปลกใหม่ ใส่ส่วนผสมอะไรบ้าง

ขนมไทย แจกสูตรน้ำจิ้มกล้วยปิ้ง
ขนมไทย แจกสูตรน้ำจิ้มราดกล้วยปิ้ง


Advertisement




แต่ เมนูอาหาร สูตรอาหารไทย By Aerk ขอแจกสูตรที่ทำขายอยู่นี้เป็นวิทยาทาน ท่านใดที่นำไปเขียนต่อก็ขอให้เครดิตกลับมาด้วย จักขอบคุณ

สูตรน้ำจิ้มราดกล้วยปิ้งและวัตถุดิบที่ใช้ จะเริ่มนะบัดนี้ ดูตามรูป 


ใบเตยหอม 4 - 5 ใบ สำหรับ น้ำจิ้มกล้วยปิ้ง
ใบเตยหอม 4 - 5 ใบ สำหรับ น้ำจิ้มกล้วยปิ้ง

นมสดรสจืด ไข่เจียว
นมสดรสจืด ไข่เจียว ใส่ท้ายสุด

แจกสูตรน้ำจิ้มกล้วยปิ้ง, น้ำตาลทราย 2 ขีด
แจกสูตรน้ำจิ้มกล้วยปิ้ง, น้ำตาลทราย 2 ขีด

น้ำตาลทรายแดง 2 ขีด
น้ำตาลทรายแดง 2 ขีด ในรูปได้ใส่ลงรวมกับน้ำทรายขาว

น้ำตาลปึก 2 ขีด
น้ำตาลปึก 2 ขีด


น้ำตาลปี๊บ 2 ขีด
น้ำตาลปี๊บ 2 ขีด

แจกสูตรน้ำจิ้มกล้วยปิ้ง, เทใส่ลงหม้อคน
แจกสูตรน้ำจิ้มกล้วยปิ้ง, นำน้ำตาลทั้งหมด เทใส่ลงหม้อคน

แจกสูตรน้ำจิ้มกล้วยปิ้ง, ตามด้วยน้ำกะทิ
แจกสูตรน้ำจิ้มกล้วยปิ้ง, ตามด้วยน้ำกะทิ
เคล็ดลับ น้ำกะทิคั้นสด เอาเฉพาะหัวกะทิ 1 กก.

น้ำกะทิเหลือเอาไว้
น้ำกะทิเหลือเอาไว้ เพื่อใส่กวนแป้งข้าวโพด





แจกสูตรน้ำจิ้มกล้วยปิ้ง
แจกสูตรน้ำจิ้มกล้วยปิ้ง, จุดไฟอ่อนๆ คนให้น้ำตาลละลายกับน้ำกะทิ


แจกสูตรน้ำจิ้มกล้วยปิ้ง, ใส่ใบเตยหอม
แจกสูตรน้ำจิ้มกล้วยปิ้ง, ใส่ใบเตยหอมลงไป แล้วคนให้กลิ่นหอม

แป้งข้าวโพด กับน้ำกะทิ
แป้งข้าวโพดประมาณ 50 กรัม แล้วใส่น้ำกะทิ คนให้เข้ากัน



แป้งข้าวโพดกับน้ำกะทิ
แป้งข้าวโพดกับน้ำกะทิใส่ลงไปในหม้อน้ำจิ้ม

น้ำจิ้มกล้วยปิ้ง
เร่งไฟให้แรงจน น้ำจิ้มกล้วยปิ้งเดือด



นมสดรสจืด
ใส่นมสดรสจืดลงไป แล้วคนให้เข้ากัน จะได้กลิ่นหอม



Advertisment



สูตรน้ำจิ้มกล้วยปิ้ง
สูตรน้ำจิ้มกล้วยปิ้ง เทใส่ภาชนะ


เป็นยังไงบ้างครับ แจกสูตรน้ำจิ้มราดกล้วยปิ้ง คิดว่าไม่น่ายากน่าจะทำได้กันทุกท่าน ลองทำกินดูก่อน แล้วค่อยทำขาย เชื่อว่ากล้วยปิ้งยังไงก็ขายได้อยู่แล้ว สูตรนี้แจกเป็นวิทยาทาน ส่งเสริมอาชีพของคนไทย

เนื้อหาและรูปโดย เมนูอาหาร สูตรอาหารไทย By Aerk

8 ช่องทางทำมาหากิน แปรรูปกล้วย ให้ได้เงิน

Share:

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก

Recent Posts

Recent Posts Widget

ผู้สนับสนุน